ดีอี เตรียมเสนอเพิ่มบทลงโทษ สำหรับการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล จากโทษจำคุก 1 ปี เป็น 5 ปี
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เตรียมเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติม พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 เพื่อเพิ่มบทลงโทษและความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น
- โดยสาระสำคัญของการแก้ไขมีดังนี้
- เพิ่มบทลงโทษ สำหรับการ ซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล จากโทษจำคุก 1 ปี เป็น 5 ปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเข้มงวดในการลงโทษผู้ที่ละเมิดกฎหมายด้านข้อมูลส่วนบุคคล
- เพิ่มความรับผิดชอบ ให้กับ สถาบันการเงิน, ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์, ผู้ให้บริการโทรคมนาคม, และ ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ หากไม่ดูแลระบบหรือปล่อยให้เกิดการหลอกลวงจนสร้างความเสียหายแก่ผู้ใช้บริการ
- การช่วยเหลือผู้เสียหาย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามและเร่งรัดคืนเงิน ให้กับผู้เสียหายที่ถูกมิจฉาชีพหลอกลวง
ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวง ดีอี เปิดเผยว่า กระทรวง ดีอี เตรียมเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติม พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 เพื่อเพิ่มบทลงโทษและความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมออนไลน์ให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น
สำหรับสาระสำคัญของการแก้ไข ร่าง พ.ร.ก.จากฉบับเดิม ได้เพิ่มบทลงโทษกรณีการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล จากโทษจำคุก 1 ปี เป็น 5 ปี รวมถึงการเพิ่มความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ หากละเลย ไม่ดูแลระบบ ปล่อยให้มีการหลอกลวง เกิดเป็นผลกระทบสร้างความเสียหายต่อผู้ใช้บริการ พร้อมทั้งการติดต่มเร่งรัดคืนเงินให้ผู้เสียหาย จากการถูกมิจฉาชีพหลอกลวง
ขณะนี้ ร่าง พ.ร.ก. ฉบับแก้ไขปรับปรุงใหม่นี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา หากผ่านการตรวจร่างแล้ว นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี (ดีอี) จะเร่งเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
ที่มา : https://citly.me/dNqiG