โครงการบ้านเพื่อคนไทย

โครงการบ้านเพื่อคนไทย: สร้างโอกาสและคุณภาพชีวิตสำหรับประชาชน

แนวคิดและที่มา

       โครงการบ้านเพื่อคนไทยมีแนวคิดพื้นฐานจากความเชื่อที่ว่าการมีบ้านเป็นของตนเองช่วยให้ประชาชนสามารถพัฒนาตนเองและครอบครัวได้อย่างมั่นคง อีกทั้งยังส่งเสริมเศรษฐกิจโดยรวม เช่น การซื้อเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า รัฐบาลจึงเลือกใช้พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ตั้งอยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟ ซึ่งสะดวกต่อการเดินทาง และมีการเชื่อมโยงกับโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในอนาคต เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการนี้คือ ผู้สมัครต้องเป็นผู้ไม่มีบ้านหลังแรก และยังไม่เคยขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน เพื่อป้องกันการเก็งกำไรในอนาคต

สถานการณ์ปัจจุบันของวิกฤตที่อยู่อาศัย

       ปัญหาที่อยู่อาศัยเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ราคาบ้านเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้ไม่ถึง 30,000 บาทต่อเดือน ทำให้ไม่สามารถซื้อบ้านราคาสูงกว่า 3 ล้านบาทได้ รายงานระบุว่าราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นกว่า 70% ในขณะที่รายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเพียง 15% ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถตามทันราคาที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ ค่าครองชีพด้านการเดินทางยังเป็นภาระเพิ่มเติมที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต

ข้อได้เปรียบของโครงการ

       โครงการบ้านเพื่อคนไทยช่วยเพิ่มการใช้ประโยชน์จากที่ดินของ รฟท. ที่เคยรกร้างว่างเปล่าหรือถูกใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจและสร้างชุมชนที่มีคุณภาพ โดยการวางแผนที่อยู่อาศัยถึง 100,000 ยูนิตในรูปแบบคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว จะช่วยกระตุ้น GDP ของประเทศ รวมถึงสร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงที่อยู่อาศัยในราคาที่เอื้อมถึงได้

 

ลักษณะโครงการ

       โครงการบ้านเพื่อคนไทยเน้นการพัฒนา “ที่อยู่อาศัยราคาประหยัด” หรือ Affordable Housing ในพื้นที่ศักยภาพที่ใกล้ระบบขนส่งมวลชน โดยมีทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว:

    • คอนโดมิเนียม: มีขนาดตั้งแต่ 30 ตารางเมตรสำหรับ 1 ห้องนอน ไปจนถึง 51 ตารางเมตรสำหรับ 2 ห้องนอน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ระบบ Smart Residence และ Smart Function

    • บ้านเดี่ยว: บ้านชั้นเดียว พื้นที่รวม 50 ตารางวา พร้อมที่จอดรถ 2 คัน

       ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถเช่าซื้อได้ในระยะเวลา 99 ปี โดยมีอัตราผ่อนเริ่มต้นประมาณ 4,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลาผ่อนชำระ 30-50 ปี ทั้งนี้ยังมีการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.5%

พื้นที่และการพัฒนาโครงการ

       พื้นที่นำร่องของโครงการเริ่มในกรุงเทพฯ และบริเวณใกล้ระบบขนส่งสาธารณะ ได้แก่

    1. ที่ดินย่านบางซื่อ นิคม กม.11 หลังสำนักงานใหญ่ ปตท. ใกล้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว รถไฟฟ้าสายสีเขียว
    2. ที่ดินย่านสถานีธนบุรี ห่างจากโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร
    3. ที่ดินบริเวณสถานีรถไฟเชียงราก อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
    4. ที่ดินรอบสถานีรถไฟเชียงใหม่

       จะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ขนาด 8 ชั้น ประกอบด้วย ห้องพัก 30 – 51 ตารางเมตร หลังจากนั้นจะขยายโครงการเป็น 45 ชั้นเพื่อให้คุ้มค่าต่อการพัฒนาโครงการ และสามารถปรับราคาต่อห้องให้ถูกลงได้ โดยผู้เช่าจะต้องจ่ายค่าส่วนกลางเหมือนคอนโดมิเนียมปกติ ซึ่งทางรัฐบาลยังไม่ได้เคาะตัวเลขว่าตกปีละเท่าไร

        นอกจากนี้ ยังวางแผนขยายโครงการให้สอดคล้องกับแนวคิด Transit-Oriented Development (TOD) เพื่อการพัฒนาเมืองที่เชื่อมโยงกับระบบขนส่งสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ

        สามารถเข้าชมห้องและบ้านตัวอย่างที่สถานีกลางบางซื่อ เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 21:00 น.

เป้าหมายโครงการ

  • เปิดให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียน ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ 1 แสนหน่วย ภายใน 3 ปี (2568-2570)
  • ต้องเป็นผู้ไม่มีบ้านเป็นขอตนเองมาก่อนหรือ บ้านหลังแรก ไม่มีแหล่งเงินทุนเข้าถึงที่อยู่อาศัย และสินเชื่อ

กำหนดการของโครงการบ้านเพื่อคนไทย​

  • 17 มกราคม 2568: เปิดให้จองโครงการ ผ่าน www.บ้านเพื่อคนไทย.th
  • กุมภาพันธ์ 2568: เริ่มก่อสร้างโครงการนำร่อง
  • มีนาคม 2568 : ประกาศผลผู้ที่ได้รับสิทธิในการซื้อที่อยู่อาศัย
  • ธันวาคม 2568: เริ่มโอนโครงการนำร่อง 154 หน่วย
  • มิถุนายน 2569: เริ่มโอนโครงการนำร่อง 4,256 หน่วย
  • ธันวาคม 2569: เริ่มโอนโครงการ 56,000 หน่วย
  • ภายในปี 2570: รวมการโอนทั้งสิ้น 100,000 หน่วย

คุณสมบัติของผู้ซื้อสิทธิ

  1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย
  2. เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ณ วันลงทะเบียน
  3. เป็นผู้มีรายได้ ณ วันลงทะเบียน ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน
  4. ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจใช้พักอาศัยได้ทุกประเภท
  5. ไม่เคยได้สิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย

เงื่อนไขการซื้อสิทธิ

  1. ผู้ซื้อสิทธิ 1 ท่าน มีสิทธิจองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างได้ 1 หน่วย ต่อ 1 โครงการเท่านั้น แต่หากการพิจารณาให้สิทธิในโครงการใดเสร็จสิ้นไปแล้ว และไม่ได้สิทธิ สามารถใช้สิทธิจองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอีกครั้งในจังหวัดเดิมได้
  2. ห้ามโอนสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทยภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันจดทะเบียนสิทธิ
  3. ห้ามนำอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างในโครงการบ้านเพื่อคนไทยไปให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ หรือทำนิติกรรมในลักษณะต่างตอบแทนเพื่อให้บุคคลอื่นได้ใช้ประโยชน์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง เว้นแต่เป็นการใช้เพื่อประโยชน์ของสมาชิกในครอบครัวของผู้ซื้อสิทธิ
  4. หากความปรากฏว่าผู้ซื้อสิทธิขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง โดยขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย บอกเลิกสัญญา หรือปรับอัตราผลตอบแทนตามเหตุ และปัจจัย
  5. หากความปรากฏว่าผู้ซื้อสิทธิมีพฤติการณ์ปรากฏให้เห็นหรือเชื่อได้ว่าเป็นผู้มีรายได้เกินกว่า 50,000 บาท ต่อเดือน ทั้งนี้ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกสิทธิโนโครงการบ้านเพื่อคนไทยบอกเลิกสัญญา หรือปรับอัตราผลตอบแทนตามเหตุ และปัจจัย
  6. เงื่อนไขอื่นเป็นไปตามที่ประกาศกำหนด
  7. สงวนสิทธิ์ที่จะแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไขใดๆ ดังกล่าวข้างต้น

ขั้นตอนการแสดงเจตจำนง

1. ประชาชนลงทะเบียน

    • เข้าไปจองผ่าน www.บ้านเพื่อคนไทย.th 
    • เปิดให้จองรอบแรกจำนวน 4,410 ห้อง เป็นคอนโดมิเนียมทั้งหมด มี 2 แบบให้เลือก คือ
      –  แบบ 1 ห้องนอน 30 ตารางเมตร ขายหน่วยละ 9 แสน
      –  แบบ 2 ห้องนอน 40-51 ตารางเมตร ขายหน่วยละ 1.6 ล้านบาท

2. ตรวจสอบคุณสมบัติ

    • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตรวจสอบคุณสมบัติ
    • ประกาศผลการตรวจสอบเบื้องต้นของผู้ที่สามารถยื่นเอกสารจองสิทธิซื้อบ้านเพื่อคนไทยได้
      **คาดว่าใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 2 เดือนหลังจากลงทะเบียน หรือประมาณ มีนาคม 2568
    • ธอส. ติดต่อกลับไปยังผู้ที่ได้รับสิทธิ

3. จับสลากเพื่อรับสิทธิในการซื้อโครงการบ้านเพื่อคนไทย

    • โดยผู้ที่ได้รับสิทธิจะต้องแจ้งความประสงค์ใช้สิทธิตามวัน และเวลาที่ธนาคารกำหนด เพื่อจะทำการตรวจสอบคุณสมบัติตามที่โครงการกำหนด
    • หากไม่ผ่านเกณฑ์จะถือว่าเป็นการสละสิทธิ

รูปแบบคอนโดมิเนียม แปลง กม.11

รูปแบบบ้านเดี่ยวที่ดิน 50 ตารางวา

การเช่าพื้นที่พร้อมที่ดิน

การเช่าพื้นที่ 99 ปี หมายถึงการเป็นเจ้าของและมีกรรมสิทธิ์ได้ 99 ปี หลังจากนั้นจะต้องคืนพื้นที่

การเข้าถึงแหล่งเงินกู้จาก ธ.อาคารสงเคราะห์ พร้อมดอกเบี้ยคงที่ 2.5%

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

    • เสนอสินเชื่อที่อยู่อาศัยในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.5% พร้อมเงื่อนไขที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยในระยะยาว โดยการให้เช่าพื้นที่นี้เป็นไปตามกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่รัฐ และมีระยะเวลาสัญญาเช่าเริ่มต้น 30 ปี ต่อสัญญาได้ 1 ครั้ง รวมระยะเวลาการเช่าได้สูงสุด 60 ปี
    • หากมีการแก้ไข พระราชบัญญัติทรัพย์อิงสิทธิ เพื่อเพิ่มระยะเวลาสัญญาเช่าจาก 30 ปี เป็น 99 ปีสำเร็จ จะส่งผลย้อนหลังให้ผู้เช่าได้รับสิทธิตามสัญญาใหม่ โดยสามารถเลือกแผนการผ่อนชำระได้หลายรูปแบบ เช่น ระยะเวลา 30 ปี, 40 ปี หรือ 50 ปี

สิทธิการอยู่อาศัยและการเป็นเจ้าของ

    • ผู้เช่าจะได้รับสิทธิการอยู่อาศัยในสัญญาระยะยาว 99 ปี
    • เมื่อผ่อนชำระครบถ้วน จะได้รับสิทธิเป็นเจ้าของพื้นที่ดังกล่าวต่อเนื่องอีก 60 ปี

แผนการผ่อนชำระ

การผ่อนชำระจะดำเนินการผ่าน ธอส. โดยมีเงื่อนไขการกู้ยืมและวงเงิน ดังนี้: 

    • ราคาผ่อนต่อเดือน 4,000 บาท หากประชาชนได้รับสินเชื่อ Post Finance
        • ระยะเวลา 30 ปี สามารถกู้ซื้อบ้านได้ 1 ล้านบาท
        • ระยะเวลา 40 ปี สามารถกู้ซื้อบ้านได้ 1.2 ล้านบาท
        • ระยะเวลา 50 ปี สามารถกู้ซื้อบ้านได้ 1.2 ล้านบาท หรือ 1.4 ล้านบาท 
        • ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% จะถูกกำหนดไว้ในระยะเวลา 25 ปีแรก
    • บ้านราคาเฉลี่ย 900,000 บาท
        • ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 4,038 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 3,556 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 2,968 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 2,629 บาทต่อเดือน 
    • บ้านราคาเฉลี่ย 1,000,000 บาท
        • ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 4,486 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 3,951 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 3,298 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 2,921 บาทต่อเดือน 
    • บ้านราคาเฉลี่ย 1,100,000 บาท
        • ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 4,935 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 4,346 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 3,628 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 3,214 บาทต่อเดือน 
    • บ้านราคาเฉลี่ย 1,200,000 บาท
        • ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 5,383 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 4,741 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 3,957 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 3,506 บาทต่อเดือน
    • บ้านราคาเฉลี่ย 1,300,000 บาท
        • ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 5,832 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 5,137 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 4,287 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 3,798 บาทต่อเดือน
    • บ้านราคาเฉลี่ย 1,400,000 บาท
        • ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 6,281 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 5,532 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 4,617 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 4,090 บาทต่อเดือน
    • บ้านราคาเฉลี่ย 1,500,000 บาท
        • ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 6,729 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 5,927 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 4,947 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 4,382 บาทต่อเดือน
    • บ้านราคาเฉลี่ย 1,600,000 บาท
        • ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 7,178 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 6,322 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 5,276 บาทต่อเดือน
        • ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 4,674 บาทต่อเดือน

สำหรับรูปแบบสัญญาเช่าคราวละ 30 ปี

    • ต่อสัญญาเช่าได้ 1 ครั้ง รวมเป็น 60 ปี
    • ทั้งนี้ เมื่อรัฐบาลแก้กฎหมายให้สัญญาเช่ามีอายุการเช่าได้ 99 ปี จะมีการแก้ไขสัญญาเช่าบ้านพร้อมที่ดินให้กับประชาชนผู้เช่าให้มีอายุสัญญาเช่าคราวละ 99 ปีด้วย