สรุปโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้สูงอายุ < Last Update 24 ม.ค. 68 เวลา 14.28 น. >
- ผู้มีสิทธิ: ต้องมีสัญชาติไทย อายุ 60 ปีขึ้นไป รายได้และเงินฝากไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด และต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐสำเร็จแล้ว อ่านเพิ่มเติม
** หากไม่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ ระหว่างวันที่ 1 ส.ค. – 15 ก.ย. 67 ก็ไม่มีสิทธิในรอบนี้ - ข้อจำกัด: ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิในโครงการอื่นมาก่อน ไม่อยู่ในสถานสงเคราะห์ และไม่เป็นผู้ต้องขัง
- ตรวจสอบสิทธิ: ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่ 22 มกราคม 2568 อ่านเพิ่มเติม
- วิธีจ่ายเงิน: โอนเงิน 10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน อ่านเพิ่มเติม
- วันที่จ่ายเงิน อ่านเพิ่มเติม
– ครั้งแรก: 27 ม.ค. 68 **ผูกพร้อมเพย์ภายในวันที่ 22 ม.ค. 68
– ซ้ำ ครั้งที่ 1: 28 ก.พ 68 **ผูกพร้อมเพย์ภายในวันที่ 25 ก.พ. 68
– ซ้ำ ครั้งที่ 2: 28 มี.ค. 68 **ผูกพร้อมเพย์ภายในวันที่ 25 มี.ค. 68
– ซ้ำ ครั้งที่ 3: 28 เม.ย. 68 **ผูกพร้อมเพย์ภายในวันที่ 23 เม.ย. 68 - กรณีมีสิทธิแต่ไม่ได้รับเงิน:
– ตรวจสอบการผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน
– หากผูกแล้ว สถานะบัญชี ยังปกติหรือไม่ (เช็คกับธนาคาร)
1. ข้อมูลพื้นฐานของโครงการ
ที่มาของการดำเนินโครงการ
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ (โครงการฯ) ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 โดยมีนโยบายสำคัญที่จะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ โดยให้ความสำคัญ กับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก
เหตุผลความจำเป็นของการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ
การดำเนินโครงการฯ เป็นการขยายผลกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการ แห่งรัฐและคนพิการ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้แก่กลุ่มเปราะบางให้ครอบคลุมกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผู้สูงอายุจะสามารถใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตตามความจำเป็นของตน ทั้งยังส่งผลต่อการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้เพิ่มเติม และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว นอกจากนี้ การดำเนินโครงการฯ จะช่วยส่งเสริมความอยู่ดีมีสุข (Well-being) ของผู้สูงอายุที่ดีขึ้นอย่างรอบด้าน เช่น สุขภาพอนามัย สภาพความเป็นอยู่ มาตรฐานการดำรงชีวิต ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวและชุมชน เป็นต้น
วัตถุประสงค์ของโครงการ
- เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- ช่วยเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
2. กลุ่มเป้าหมายและสิทธิ
กลุ่มเป้าหมาย
- ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 สำเร็จ
- มีสัญชาติไทย
- มีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 (เกิดก่อนหรือในวันที่ 16 กันยายน 2507)
- ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
- ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 โดยตรวจสอบ
ข้อมูลเงินฝาก 6 ประเภท ได้แก่
(1) เงินฝากกระแสรายวัน
(2) เงินฝากออมทรัพย์
(3) เงินฝากประจำ
(4) บัตรเงินฝาก
(5) ใบรับเงินฝาก และ
(6) ผลิตภัณฑ์เงินฝากในชื่อเรียกอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกับ ข้อ (1) – (5)
ทั้งนี้ เงินฝากดังกล่าวให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น
และไม่รวมถึงกรณีบัญชีเงินฝากประเภทบัญชีร่วม บัญชีเพื่อ และบัญชีโดย - ไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
- ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ได้แก่ นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ
เงื่อนไขสำหรับกลุ่มเป้าหมายของโครงการ
- กลุ่มเป้าหมายตามโครงการฯ ต้องปฏิบัติตามสาระสำคัญของโครงการฯ รวมถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ และต้องมีคุณสมบัติตามที่โครงการฯ กำหนด
- ห้ามกลุ่มเป้าหมายตามโครงการฯ กระทำการใด ๆ ที่สร้างความเข้าใจผิดต่อมาตรการและ/หรือโครงการของรัฐ หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการฯ หรือมาตรการ/โครงการใด ๆ ของรัฐ
- หากพบว่ากลุ่มเป้าหมายตามโครงการฯ ขาดคุณสมบัติหรือไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ กลุ่มเป้าหมายตามโครงการฯ จะต้องชดใช้ความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นให้แก่รัฐภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งถึงการกระทำดังกล่าว โดยชดใช้ความเสียหายผ่านช่องทางที่กระทรวงการคลังกำหนด
- กระบวนการพิจารณาและดำเนินการตามข้อ 3 ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
3. การตรวจสอบและดำเนินการ
ช่องทางและวันที่ตรวจสอบสิทธิการได้รับเงินในโครงการ ฯ
- สามารถตรวจสอบสิทธิผ่าน แอปพลิเคชั่นทางรัฐ ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 เป็นต้นไป
วิธีการตรวจสอบสิทธิการได้รับเงินในโครงการ ฯ
- เปิด แอปพลิเคชั่นทางรัฐ
- กรอกบัญชีผู้ใช้หรือเลขประจำตัวประชาชน (Username) และรหัสผ่าน (Password) เพื่อ “เข้าสู่ระบบ” ให้เรียบร้อย
- กด “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เพื่อเข้าสู่หน้าแสดงผลผู้มีสิทธิโครงการฯ
** กรณีผู้ใช้งาน ทำการยืนยันตัวตนของแอป ฯ ทางรัฐ ไม่ครบถ้วน ระบบอาจมีแจ้งให้ผู้ใช้งาน ใส่เบอร์โทรศัพท์มือถือ และกรอกรหัส OTP ยืนยันตัวตนเพื่อใช้งานแอปฯ หรือต้องไปยืนยันตัวตนตามที่แอปฯ ทางรัฐแจ้ง - ระบบจะแสดงผลสถานะในการรับสิทธิตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่าอยู่ในขั้นตอนใด
– หากอยู่ในขั้นตอนที่ 3 คือระบบอยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ
– หากอยู่ในขั้นตอนที่ 4 คือไม่ได้รับสิทธิ
– หากอยู่ในขั้นตอนที่ 5 คือได้รับสิทธิตามโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท
กรณีเป็นผู้มีสิทธิ
- ต้องมีบัญชีธนาคาร (ธนาคารใดก็ได้) ที่
– ผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน (ดำเนินการภายในวันที่ 22 มกราคม 2568) และ
– บัญชีธนาคารนั้นมีสถานะพร้อมใช้งาน - จะได้รับเงินในรอบการจ่ายเงินครั้งแรก วันที่ 27 มกราคม 2568
วิธีตรวจสอบพร้อมเพย์ ผูกบัญชีธนาคารไหน/ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนหรือเบอร์โทรศัพท์
วิธีที่ 1 : ใช้แอป ฯ ของธนาคาร
- เข้าแอป ฯ ของธนาคารที่เรามี > ไปที่เมนู “พร้อมเพย์”
- กรณีต่างธนาคาร: ระบบจะแจ้งว่าบัญชีพร้อมเพย์ผูกอยู่กับธนาคารอะไร และใช้เลขบัตรประชาชนหรือเบอร์โทรศัพท์ในการผูก
- กรณีธนาคารที่เราผูกพร้อมเพย์ไว้: ระบบจะแจ้งว่าผูกกับเลขบัญชีใด และใช้เลขบัตรประชาชนหรือเบอร์โทรศัพท์ในการผูก
วิธีที่ 2 : ติดต่อธนาคาร
- โทรศัพท์สอบถามธนาคารที่ท่านที่มีบัญชีเงินฝาก เพื่อสอบถามว่าพร้อมเพย์ผูกกับธนาคารอะไร
กรณีเป็นผู้มีสิทธิแล้วไม่ได้รับเงินต้องทำอย่างไร
ตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐแล้วพบว่า เป็นผู้มีสิทธิในโครงการฯ แต่ยังไม่ได้รับเงิน ให้ดำเนินการดังนี้
- ตรวจสอบว่าได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนเรียบร้อยแล้วหรือไม่
- บัญชีพร้อมเพย์ดังกล่าว มีสถานะพร้อมใช้รับเงินได้ตามปกติหรือไม่ โดยติดต่อสอบถามจากธนาคารที่มีบัญชีอยู่ และเมื่อดำเนินการแล้วให้รอรับเงินในรอบการ Retry ถัดไป
กรณีไม่พบข้อมูล
- ไม่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ ให้สำเร็จระหว่างวันที่ 1 ส.ค. – 15 ก.ย. 67
- ไม่สามารถลงทะเบียนใหม่ ให้รอประกาศจากกระทรวงการคลัง
- กรณียืนยันว่าที่ท่านลงทะเบียนผ่านแอป ฯ ทางรัฐ สำเร็จแล้วแน่นอน
– ให้ร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร ผ่าน ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล
– หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1111
กรณีไม่ได้รับสิทธิ
- ระบบจะแจ้งเหตุผล/เกณฑ์ที่ไม่ผ่านในแต่ละท่าน
- ท่านสามารถติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถาม/ตรวจสอบข้อมูลได้
เหตุผล/เกณฑ์ที่ไม่ผ่าน | ติดต่อ |
ไม่ผ่านเกณฑ์เงินฝาก | – ธนาคารพาณิชย์ – สถาบันการเงินเฉพาะกิจ |
รายได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท ในปีภาษี 2566 | – กรมสรรพากรในพื้นที่ – กรมสรรพากร |
– สัญชาติและวันเดือนปีเกิด – ข้อมูลผู้เสียชีวิต – ถูกจำหน่ายออกจากฐานข้อมูลทะเบียนกลาง | – เทศบาล/สำนักงานเขต/ที่ว่าการอำเภอ – กรมการปกครอง |
เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ | – ตรวจสอบสิทธิ https://โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ2567.cgd.go.th – กรมบัญชีกลาง |
เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท | – กรมราชทัณฑ์ |
เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัด พม. | – กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ |
เป็นบุคคลล้มละลาย | – กรมบังคับคดี |
– พัฒนาและกำกับดูแลแอปพลิเคชันทางรัฐ – รับลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ และมีข้อมูลว่าลงทะเบียนสำเร็จหรือไม่สำเร็จ – ประมวลผลข้อมูลสัญชาติและวันเดือนปีเกิดที่ได้รับจากกรมการปกครอง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติด้านสัญชาติและอายุ (60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เกิดก่อนหรือในวันที่ 16 กันยายน 2507) – แสดงผลการได้รับสิทธิและผลการจ่ายเงินของโครงการฯ | – สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) |
.
- หากพบว่าผลการตรวจสอบไม่ตรงกับแอปฯ ทางรัฐ
– ให้ร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร ผ่าน ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล
– เจ้าหน้าที่จะนำข้อร้องเรียนที่โต้แย้งไปตรวจสอบให้ และหากพบว่าได้รับสิทธิจริงก็จะจ่ายเงินให้ต่อไป
– สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
- อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้เปิดช่องทางให้แก้ไขข้อมูล เนื่องจากคนที่ไม่ได้รับสิทธิเป็นผู้ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์คุณสมบัติ อาทิ รายได้เกิน สินทรัพย์เกิน ดังนั้นจะไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้ แต่สามารถแจ้งเรียนร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล
กรณีต้องการร้องเรียนเกี่ยวกับผลการตรวจสอบสิทธิของตนในโครงการฯ
แนะนำให้ดำเนินการแจ้งเรื่องร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล หรือหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องตามแต่กรณี เพื่อให้มีข้อมูลที่ชัดเจน สำหรับใช้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิต่อไป
1. ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล
- กรอกแบบฟอร์มพร้อมแนบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
–https://www.1111.go.th/
–แอปพลิเคชั่น PSC 1111
- ติดต่อด้วยตนเอง พร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ ณ จุดบริการประชาชน 1111 (Counter Service) ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ชั้น 1 อาคารสำนักงาน ก.พ. (เดิม) ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กทม. 10300 (ตรงข้าม ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล) เปิดให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.30 -16.30 น.
- ส่งเอกสารผ่านไปรษณีย์ ทาง ตู้ ปณ.1111 ปณ.ทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต รหัสไปรษณีย์ 10302 (ไม่ต้องติดแสตมป์)
- กรอกแบบฟอร์มพร้อมแนบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
หมายเหตุ : ผู้ร้องจะต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนโครงการ ฯ ผ่านแอป ฯ ทางรัฐ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567) สำเร็จแล้วเท่านั้น
เอกสารประกอบคำร้อง
เหตุผล/เกณฑ์ที่ไม่ผ่าน | เอกสารที่ต้องใช้ |
ไม่พบข้อมูล / ไม่ได้ลงทะเบียนให้สำเร็จ | – ภาพบันทึกหน้าจอของแอป ฯ ทางรัฐ ก่อนกำหนดการตรวจสอบสิทธิ์ หลังการตรวจสอบสิทธิ์แล้ว และสถานะล่าสุด |
ไม่ผ่านเกณฑ์เงินฝาก | – เอกสารรับรองจากทุกธนาคารที่มีบัญชีเงินฝาก ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่รวมกันแล้วไม่เกิน 500,000 บาท |
รายได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท ในปีภาษี 2566 | – แบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90, 91, 94 หรือเอกสารยืนยันการมีรายได้จากกรมสรรพากร |
– สัญชาติและวันเดือนปีเกิด – ข้อมูลผู้เสียชีวิต – ถูกจำหน่ายออกจากฐานข้อมูลทะเบียนกลาง | – สำเนาบัตรประชาชน – สำเนาทะเบียนบ้าน – ภาพบันทึกหน้าจอของแอป ฯ ทางรัฐ ก่อนกำหนดการตรวจสอบสิทธิ์ หลังการตรวจสอบสิทธิ์แล้ว และสถานะล่าสุด |
เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ | – ภาพบันทึกหน้าจอตรวจสอบสิทธิโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ https://โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ2567.cgd.go.th |
เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท | – เอกสารรับรองจากกรมราชทัณฑ์ว่าไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภทของกรมกรมราชทัณฑ์ ได้แก่ นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูล ของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 |
เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัด พม. | – เอกสารรับรองจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่าไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 |
เป็นบุคคลล้มละลาย | – ยื่นคำร้องขออนุญาตเปิด/ใช้บัญชีเพื่อรับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ณ สำนักงานบังคับคดีที่สะดวก เพื่อขอหนังสืออนุญาตให้เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารและผูกพร้อมเพย์เพื่อรับเงินตามโครงการฯ |
กรณีไม่ได้ลงทะเบียนให้สำเร็จ
- กรณีประชาชนลงทะเบียนอยู่ขั้นตอนที่ 3 แล้ว ไม่เคยแก้ไขข้อมูลใดๆ พอมาตรวจสอบสิทธิวันนี้ ระบบแจ้งว่า ท่านไม่ได้ลงทะเบียนให้สำเร็จ
- ให้ลองปิดแอปฯ ทางรัฐ แล้วเข้าใหม่อีกครั้ง
4. การจ่ายเงินและเงื่อนไข
วิธีจัดสรรหรือโอนเงิน 10,000 บาทต่อคน
- กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงิน 10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนของกลุ่มเป้าหมาย
- ไม่มีการโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับหมายเลขโทรศัพท์
การผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน
กรณียังไม่เคยผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน
- สามารถผูกกับบัญชีเงินฝากของธนาคารใดก็ได้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นธนาคารของรัฐ
- ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 22 มกราคม 2568
- เพื่อรอรับการจ่ายเงินครั้งแรก ในวันที่ 27 มกราคม 2568
เคยผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน
- ดำเนินการตรวจสอบบัญชีธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนว่าเป็นบัญชีที่ยังสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่
กรณีผู้สูงอายุไม่สามารถผูกพร้อมเพย์ได้
- แนะนำให้ญาติไปติดต่อธนาคารเพื่อขอใบมอบอำนาจทำการผูกพร้อมเพย์แทน
กำหนดการจ่ายเงิน
จ่ายเงินครั้งแรก
- วันที่ 27 มกราคม 2568
- สำหรับผู้ได้รับสิทธิในโครงการ ฯ ที่ดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ภายในวันที่ 22 มกราคม 2568
กรณีที่จ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ไม่สำเร็จในครั้งแรก
- จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจำนวน 3 ครั้ง
รอบจ่ายซ้ำ | วันที่จ่ายเงิน | ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน |
ครั้งที่ 1 | 28 กุมภาพันธ์ 2568 | 25 กุมภาพันธ์ 2568 |
ครั้งที่ 2 | 28 มีนาคม 2568 | 25 มีนาคม 2568 |
ครั้งที่ 3 | 28 เมษายน 2568 | 23 เมษายน 2568 |
เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3
- รัฐจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมาย ไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
การตรวจสอบผลการจ่ายเงิน
ผู้ได้รับสิทธิในโครงการ ฯ สามารถตรวจสอบผลการจ่ายเงิน ผ่านแอปพลเคชั่น “ทางรัฐ” ได้ในวันถัดจากวันที่รัฐจ่ายเงิน
- ตรวจสอบผลการจ่ายเงิน ครั้งแรก ในวันที่ 28 มกราคม 2568
- ตรวจสอบผลการจ่ายเงินซ้ำ ครั้งที่ 1 ในวันที่ 1 มีนาคม 2568
- ตรวจสอบผลการจ่ายเงินซ้ำ ครั้งที่ 2 ในวันที่ 29 มีนาคม 2568
- ตรวจสอบผลการจ่ายเงินซ้ำ ครั้งที่ 3 ในวันที่ 30 เมษายน 2568
เงื่อนไขการจ่ายเงิน
การใช้จ่าย
- เงินจำนวน 10,000 บาท สามารถนำไปจับจ่ายใช้สอย โดยไม่กำหนดเงื่อนไขในการใช้จ่าย
กรณีบุคคลล้มละลาย
- เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมีหนังสืออนุญาตให้เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารและผูกพร้อมเพย์เพื่อรับเงินตามโครงการฯ โดยอนุญาตให้เบิกถอนเงินจำนวน 10,000 บาท
- ไม่อนุญาตให้ทำบัตรกดเงินสด (ATM) หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
- ห้ามทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
- เมื่อผู้มีสิทธิตามโครงการฯ เบิกถอนเงินครบ 10,000 บาท
– ธนาคารจะปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าว
– หากมีเงินเหลือในบัญชีธนาคารจะส่งต่อให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ - สอบถามแนวปฏิบัติสำหรับผู้ที่ถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายเพิ่มเติม
ติดต่อ กรมบังคับคดี1111 ต่อ 79
กรณีมีความประสงค์จะคืนเงินโดยสมัครใจ
ในกรณีที่กลุ่มเป้าหมายได้รับเงินตามโครงการฯ แล้ว แต่มีความประสงค์จะคืนเงินโดยสมัครใจ
- ให้ติดต่อขอรับเอกสารที่ใช้สำหรับการคืนเงินได้ที่สำนักงานคลังจังหวัดหรือกรมบัญชีกลาง
- นำเงินไปคืนได้ที่สาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทั่วประเทศ
5. การติดต่อสอบถาม
ช่องทางหลักในการตรวจสอบผลการลงทะเบียน ตรวจสอบสิทธิ และผลการได้รับเงินในโครงการฯ
- แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”
เว็บเพจรวบรวมข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ของโครงการฯ
- เว็บไซต์กระทรวงการคลัง www.mof.go.th
แบนเนอร์ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ
- เว็บไซต์กระทรวงการคลัง www.mof.go.th
Call Center สำหรับสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ถามตอบ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุตามกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ เป็นกลุ่มที่ผ่านการคัดกรองแล้วว่ามีสถานภาพด้านรายได้และเงินฝากค่อนข้างจำกัด จึงถือเป็นผู้ที่ค่อนข้างมีความเปราะบางที่มีความโน้มเอียงหน่วยสุดท้ายในการบริโภค (Marginal Propensity to Consume: MPC) สูงกว่ากลุ่มประชากรที่มีรายได้สูง ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้จ่ายเงินหมดทั้งจำนวน ทั้งนี้ คาดว่า การดำเนินโครงการฯ จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.07 – 0.1 ต่อปี เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีโครงการฯ
นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาไว้เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 โดยมีนโยบายที่จะดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 3 สำหรับบุคคลทั่วไป โดยจะได้รับเงินผ่าน Digital Wallet ในปี 2568
ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญเชื่อมต่อระหว่างรัฐบาลกับประชาชนมากยิ่งขึ้น จึงขอให้รอติดตามข่าวสารเพื่อรับทราบความคืบหน้าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจากรัฐบาลต่อไป
รอประกาศจากกระทรวงการคลัง
ให้รอการประกาศการลงทะเบียนระยะที่ 3 อีกครั้ง
ติดต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ณ สำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศที่อยู่ใกล้บ้านท่าน
- เพื่อขอหนังสือไปยื่นธนาคารอนุญาตให้ทำการเปิดบัญชีเงินฝากใหม่
- หรือมีคำสั่งอนุญาตให้ใช้บัญชีเงินฝากที่มีอยู่แล้วสำหรับการรับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567
ถามตอบ บัญชีธนาคาร / พร้อมเพย์
- เจ้าของบัญชีสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สาขาเจ้าของบัญชี หรือต่างสาขาได้ทุกสาขา และหมายเลข โทรศัพท์ของแต่ละธนาคาร
- กรณีสมัครบริการพร้อมเพย์จากหมายเลขโทรศัพท์ไว้ ไม่จำเป็นต้องยกเลิก สามารถสมัครบริการพร้อมเพย์จากบัตรประชาชนเพิ่มได้
- บัญชีเงินฝากสามารถสมัครบริการพร้อมเพย์ได้ 4 ID คือ 1 หมายเลข บัตรประชาชนและ 3 หมายเลขโทรศัพท์
- สามารถสมัครบริการพร้อมเพย์ได้แก่
(1) สาขาธนาคาร
(2) ตู้ ATM/ADM
(3) แอปพลิเคชันของ ธนาคาร และ
(4) ช่องทางอื่น ๆ ที่แต่ละธนาคารกำหนด
- สอบถามได้ที่สาขาธนาคารเจ้าของบัญชีที่สมัครพร้อมเพย์/ต่างสาขาได้ทุกสาขา และ Contact Center/Call Center ของแต่ละธนาคาร
- ติดต่อสาขาธนาคารที่เปิดบัญชีไว้ เพื่อเปิดบัญชีใหม่ และสมัครบริการพร้อมเพย์ใหม่
- สามารถใช้บริการของธนาคารตามช่องทาง เช่น
(1) สาขาธนาคารทุกสาขา
(2) ตู้ ATM/ADM
(3) Contact Center/Call Center
กรณีผู้สูงอายุเป็นผู้พิการและเป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องตั้งเรื่องต่อศาลขอให้มีการแต่งตั้งผู้อนุบาลก่อน จึงจะสามารถทำเรื่องเพื่อขอเปิดบัญชีได้
ที่มา
- FACEBOOK กระทรวงการคลัง : Ministry of Finance
- https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/90400
- https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/91985
- https://www.prachachat.net/finance/news-1699213
- https://www.thansettakij.com/business/economy/612301
- https://mof.go.th/th/detail/2024-12-27-15-36-42/2024-12-27-15-42-50
- https://www.dailynews.co.th/news/4316741/
Last Update 30 ม.ค. 68 เวลา 08.55 น.