กษ. มุ่งผลักดันการมอบโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร ตั้งเป้าปี 2568 – 2569 จะมอบโฉนดให้ครบ 22 ล้านไร่ทั่วประเทศ

กษ. มุ่งผลักดันการมอบโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร ตั้งเป้าปี 2568 – 2569 จะมอบโฉนดให้ครบ 22 ล้านไร่ทั่วประเทศ

          กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มุ่งผลักดันการมอบโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร ตั้งเป้าในปี 2568 – 2569 จะมอบโฉนดให้ครบ 22 ล้านไร่ทั่วประเทศ รวมทั้งการมอบโฉนดในปี 2568 จำนวน 4,800 แปลง เพื่อช่วยให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุนและพัฒนาที่ดินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเกษตร การบริหารจัดการน้ำ และการพัฒนาอาชีพของตนเองอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2568 ได้มอบโฉนดที่ดินให้แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน จ.พะเยา จำนวน 100 ราย พร้อมเน้นการปรับปรุงเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนดเพื่อให้เกษตรกรมีโอกาสเข้าถึงบริการจากภาครัฐและการเงินเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและขาดแคลนน้ำ พร้อมมอบโฉนดที่ดินให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนในการทำเกษตรกรรมในพื้นที่


 

 

          (4 ม.ค. 68) นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกิจกรรมการมอบโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร ส่งความสุขปีใหม่มอบให้เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน ประจำปี พ.ศ. 2568 ให้แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดพะเยา จำนวน 100 ราย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้สานต่อนโยบายสำคัญในการปรับปรุงเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 ให้เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ที่จะทำให้พี่น้องเกษตรกรสามารถนำไปต่อยอดในการเข้าถึงโอกาส การให้บริการของภาครัฐ โอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เพิ่มมากขึ้น มีทางเลือกในการพัฒนาที่ดินและพัฒนาอาชีพของตนเอง และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน เพิ่มประสิทธิภาพจัดการน้ำลุ่มน้ำประจันตคาม-มอบโฉนดฯ จ.ปราจีนบุรี


          (4 ม.ค.68) นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี และติดตามการเร่งรัดจัดที่ดินทำกินให้กับเกษตรกร


          โครงการแม่น้ำประจันตคาม ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2529 ปัจจุบันเกิดปัญหาการเสื่อมโทรมตามอายุการใช้งาน เช่น ประตูระบายน้ำไม่สามารถระบายน้ำได้ทันท่วงที และทำให้ควบคุมการปิด-เปิดไม่เต็มศักยภาพในช่วงฤดูอุทกภัย พื้นที่แหล่งน้ำไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตรในฤดูแล้ง โดยมีพื้นที่ชลประทาน 12,823 ไร่ ปริมาณกักเก็บน้ำ 620,000 ลบ.ม. ตลอดจนปัญหาน้ำกัดเซาะถนนทรุดตัวทำให้การสัญจรลำบาก รวมทั้งปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็มจากน้ำทะเลหนุนอีกด้วย ดังนั้น จึงได้กำชับให้กรมชลประทานดำเนินงานตามแผนที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ เร่งเสนอแผนโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ร่วมบูรณาการองค์ความรู้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนางานด้านชลประทานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องเกษตรกร


สำหรับโครงการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำประจันตคาม

    • กรมชลประทาน โดย สำนักงานชลประทานที่ 9 ได้วางแผนดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ
    • กักเก็บน้ำและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการใช้น้ำในการเกษตร อุปโภคบริโภค และการจัดการน้ำในพื้นที่อย่างยั่งยืน
    • มีแผนดำเนินการขุดลอกและขุดขยายสระเก็บน้ำ รวม 70 ไร่ บริเวณหน้าประตูระบายน้ำประจันตคาม รวมถึงการก่อสร้างอาคารป้องกันการกัดเซาะทั้งฝั่งซ้ายและขวาของประตูระบายน้ำ
    • วางแผนปรับปรุงถนนลาดยาง เพื่อพัฒนาพื้นที่โดยรอบให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ปรับปรุงเครื่องกว้าน บานระบายประตูระบายน้ำ และระบบท่อส่งน้ำทั้งฝั่งซ้ายและขวา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำให้ดียิ่งขึ้น หากดำเนินการได้จนแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำประจันตคามได้มากขึ้น รวมถึงช่วยลดปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝนและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาชุมชนและการเกษตรในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป


           พร้อมกันนี้ ยังได้มอบโฉนดเพื่อการเกษตร ให้แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 41 ราย 49 แปลง และมอบ ส.ป.ก.4-01 จำนวน 9 ราย 9 แปลง เพื่อให้เกษตรกรนำไปต่อยอดให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน ในปี 2567 ที่ผ่านมาจังหวัดปราจีนบุรี ได้มอบโฉนดไปแล้ว จำนวน 2,423 แปลง กษ. ตั้งเป้าปี 68-69 มอบโฉนดที่ดิน ส.ป.ก. ให้ครบ 22 ล้านไร่


          (25 ธ.ค. 67) ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยผลการดำเนินงานกระทรวงเกษตรฯ ปี 2567 และแผนงานสำคัญปี 2568 โดยได้ดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบรมราชชนนีพันปีหลวง รวมถึงขับเคลื่อนภาคเกษตรของประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย มุ่งเน้นเทคโนโลยีด้านการเกษตร เช่น เกษตรแม่นยำ หรือเกษตรอัจฉริยะ มาใช้พัฒนาอาชีพด้านการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ และอาชีพที่เกี่ยวเนื่อง การจัดการที่ดินทำกินให้เกษตรกร และการบริหารจัดการน้ำ ดึงจุดเด่นของประเทศไทยเพื่อตอบสนองความต้องการของโลกด้านความมั่นคงทางอาหาร เร่งเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและราคาพืชผลการเกษตร รวมทั้งยกระดับรายได้ของเกษตรกร ตามนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี


          การดำเนินการที่สำคัญของกระทรวงเกษตรฯ คือ การจัดที่ดินทำกินแก่เกษตรกรให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน หรือ ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร 1,066,643 แปลง ให้เกษตรกรนำไปต่อยอดให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ในปีที่ผ่านมาได้ออกหนังสือ ส.ป.ก. 4-01 จำนวน 333,897 ฉบับ (95%) ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3.5 ล้านไร่ ซึ่งในปี 2568 มีแผนมอบโฉนดเพื่อการเกษตรอีกจำนวน 4,800 แปลง และตั้งเป้าให้ครบ 22 ล้านไร่ทั่วประเทศ ในปี 2568 – 2569


 

ที่มา : https://citly.me/GMpzh