กษ. สั่ง Set Zero สารปนเปื้อนในผักผลไม้ไทย ยกระดับคุณภาพความปลอดภัย สร้างความมั่นใจตลาดส่งออก
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่ง Set Zero สารปนเปื้อนในผักผลไม้ไทย ยกระดับคุณภาพความปลอดภัย สร้างความมั่นใจตลาดส่งออก ตามที่ได้ปรากฏในข่าวสาธารณรัฐประชาชนจีนระงับการนำเข้าทุเรียนของไทย ภายหลังตรวจพบการใช้สาร Basic Yellow 2 ในทุเรียนนั้น
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประชุมพิจารณาวาระเร่งด่วนเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้าผักผลไม้ไทย ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบเพิ่มมาตรการตรวจเข้มข้น โดยตรวจทุกตู้ที่มีการส่งออก 100% รวมไปถึงการตรวจสารแคดเมียม หนอนทุเรียน และสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในลำไยด้วย หากตรวจพบจะดำเนินการตามบทลงโทษ ตามประกาศกรมวิชาการเกษตร
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ครั้งที่ 1/2568 ว่า ตามที่ได้ปรากฏในข่าวสาธารณรัฐประชาชนจีนระงับการนำเข้าทุเรียนของไทย ภายหลังตรวจพบการใช้สาร Basic Yellow 2 ในทุเรียนนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่นิ่งนอนใจในเรื่องดังกล่าว และเป็นนโยบายที่ได้เน้นย้ำความสำคัญในการควบคุมมาตรฐานสินค้าผักและผลไม้ จึงได้ประชุมพิจารณาวาระเร่งด่วนเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้าผักผลไม้ไทย ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบเพิ่มมาตรการตรวจเข้มข้น โดยตรวจทุกตู้ที่มีการส่งออก 100% รวมไปถึงการตรวจสารแคดเมียม หนอนทุเรียน และสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในลำไยด้วย หากตรวจพบจะดำเนินการตามบทลงโทษ ตามประกาศกรมวิชาการเกษตร
ตรวจเข้ม-วางมาตรการใหม่แก้ทุเรียนมีสารปนเปื้อน
- กระทรวงเกษตรฯ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปตรวจตามล้งต่าง ๆ แล้ว โดยพื้นที่ภาคใต้ที่ จ.ชุมพร และนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่ที่จะต้องดำเนินการก่อนเนื่องจากผลผลิตทุเรียนกำลังจะทยอยออกสู่ตลาด
- ระหว่างการเตรียมความพร้อม กระทรวงเกษตรฯ ต้องการให้ความมั่นใจกับพี่น้องเกษตรกรว่าพร้อมวางมาตรการใหม่ภายใน 10 วัน และจะดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อยกระดับคุณภาพและความเชื่อมั่นในทุเรียนไทย
- ได้ประสานกับกรมการค้าภายในช่วยดูแลเรื่องราคาทุเรียน ขอความร่วมมือผู้รับซื้อทุเรียนไม่ให้มีการกดราคา
ศ.ดร.นฤมล กล่าวด้วยว่า วันที่ 5–7 ก.พ.68 จะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนร่วมกับนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ และจะนำเรื่องดังกล่าวหารือกับทางสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (General Administration of Customs of the. People’s Republic China) GACC ถึงการดำเนินมาตรการที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นในสินค้าผักผลไม้ของไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและส่งออกสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร เนื่องจากสินค้าผักผลไม้ของไทยที่ส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี
- ปี 2567 (ม.ค. – พ.ย.) ไทยส่งออกผลไม้สด 1.817 ล้านตัน มูลค่า 177,131 ล้านบาท
- ทุเรียน มังคุด และลำไย มีปริมาณ 85.50% มูลค่า 93.79% ของการส่งออกผลไม้สด
- ตลาดสำคัญคือ จีน 89% ของมูลค่าส่งออกผลไม้สด
ใช้มาตรการควบคุมการปนเปื้อนสารห้ามใช้ในทุเรียน
- กรมวิชาการเกษตร ได้ออกประกาศ เรื่อง มาตรการควบคุมการปนเปื้อนสารห้ามใช้ในทุเรียนผลสดส่งออกไปสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2568 โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 10 ม.ค. 68 เป็นต้นไป ดังนี้
- กรณีที่มีการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตต้องใช้ทั้งชนิดและปริมาณที่ถูกต้อง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง หรือตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 หรือข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า
- กรณีตรวจพบโรงคัดบรรจุใช้สารห้ามใช้หรือมีสารห้ามใช้ไว้ในครอบครอง จะถูกระงับการส่งออกและนำไปสู่การยกเลิกหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืชก็ได้
- กรณีเจ้าหน้าที่สงสัยว่าทุเรียนมีการใช้สารห้ามใช้ ให้มีอำนาจสั่งให้โรงคัดบรรจุนำผลทุเรียนนั้นไปตรวจวิเคราะห์กับห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาออกใบรับรองสุขอนามัยพืช
สำหรับสถิติการส่งออกผลไม้ไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ปี 2565–2567 พบว่า ปริมาณการส่งออกทุเรียนลดลง ขณะที่ปริมาณการส่งออกลำไยสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา ดังนี้
- ปี 2567 ไทยส่งออกผลไม้ไปสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวนรวมทั้งสิ้น 101,884 ตู้/ชิปเม้นท์ ปริมาณรวม 1,824,815 ตัน มูลค่ารวม 134,954 ล้านบาท
- มีปริมาณการส่งออกลดลงจากปี 2565 และปี 2566 โดยเป็นการส่งออกทุเรียน จำนวน 52,960 ตู้/ชิปเม้นท์ ปริมาณ 824,777 ตัน มูลค่า 88,806 ล้านบาท
- การส่งออกลำไย จำนวน 15,102 ตู้/ชิปเม้นท์ ปริมาณ 375,327 ตัน มูลค่า 16,018 ล้านบาท ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรรายงานอีกด้วยว่า ได้เตรียมยื่นขอเปิดตลาดส่งออกลำไยทุกประเภทจาก ไทย ไปฟิลิปปินส์ เพื่อขยายตลาดเพิ่มขึ้น
เร่งทุกมาตรการแก้ปัญหา Basic yellow 2
กรมวิชาการเกษตรหารือกับ GACC ทางการจีนได้กำหนดให้ทุเรียนที่ส่งไปจีน นับตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 68 เป็นต้นไป ต้องไม่มีสารห้ามใช้และให้ทุกล็อตต้องมีใบรับรองผลการตรวจสอบไปกับทุเรียนด้วย
- กรมวิชาการเกษตรจึงได้ออกประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง มาตรการควบคุมการปนเปื้อนสารห้ามใช้ในทุเรียนผลสดส่งออกไปสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2568 ลงวันที่ 9 ม.ค. 68 โดยให้มีผลบังคับใช้วันที่ 10 ม.ค. 68 เป็นต้นไป
- สาระสำคัญของประกาศฯ
- ห้ามโรงคัดบรรจุใช้ “สารห้ามใช้” ในกระบวนการคัดบรรจุ เช่น Basic yellow 2 ในทุเรียนผลสดอย่างเด็ดขาด
- โรงคัดบรรจุต้องใช้ “สารที่อนุญาตให้ใช้” ในกระบวนการคัดบรรจุ ตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร
- กรมวิชาการเกษตรจะ “set zero” การใช้สารเคมีในโรงคัดบรรจุใหม่ทั้งหมด
- สาระสำคัญของประกาศฯ
ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สมาคมภาคเอกชน และผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุทุเรียนและลำไย ร่วมประชุมหารือเร่งด่วนผ่านระบบออนไลน์ทั่วประเทศ เพื่อพิจารณาแนวทางยกระดับการควบคุมตรวจสอบสารห้ามใช้ ได้แก่ Basic yellow 2 และแคดเมียมในทุเรียน โดยกำหนดให้ทุเรียนที่จะส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ต้องปฏิบัติตามประกาศกรมวิชาการเกษตรอย่างเคร่งครัด
- กรณีที่มีการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตต้องใช้ทั้งชนิดและปริมาณที่ถูกต้อง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง หรือตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 หรือข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า
- จะทำหนังสือไปยังจีนให้ทราบความก้าวหน้าดังกล่าว ร่วมถึงจะขอหารือในประเด็นที่จะเป็นอุปสรรคทางการค้าของสองประเทศอีกด้วย
นอกจากนี้ กรมวิชาการเกษตร พร้อมย้ำการใช้มาตรการ 4 ไม่ ได้แก่ 1. ไม่อ่อน 2. ไม่หนอน 3. ไม่มีสวมสิทธิ์ และ 4. ไม่สีไม่มีสารเคมีต้องห้าม มีเป้าหมาย “Set Zero” การใช้สารเคมีในโรงคัดบรรจุทั้งหมด
ที่มา : https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/355406