กรมส่งเสริมการเกษตร แจ้งเตือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเฝ้าระวัง “โรคขอบใบแห้ง” ในช่วงอากาศหนาวเย็น

กรมส่งเสริมการเกษตร แจ้งเตือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเฝ้าระวัง “โรคขอบใบแห้ง” ในช่วงอากาศหนาวเย็น

          กรมส่งเสริมการเกษตร แจ้งเตือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเฝ้าระวัง “โรคขอบใบแห้ง” ในช่วงสภาพอากาศหนาวเย็นและกระแสลมแรง ซึ่งสามารถแพร่ระบาดไปกับกระแสลมได้ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสัมพัทธ์สูงหรือมีหมอกหนา ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม อาการของโรคเริ่มจากขอบใบข้าวเป็นสีเหลืองและขยายเป็นทางยาวตามใบ ขอบใบจะมีหยดน้ำสีครีมคล้ายยางสน และใบจะแห้งเร็ว หากโรคระบาดรุนแรง ต้นข้าวอาจแห้งตายทั้งต้น การป้องกันโรคสามารถทำได้โดยการเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่ต้านทานโรค เช่น สุพรรณบุรี 1, สุพรรณบุรี 60, สุพรรณบุรี 90, กข 7 และควรหลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในปริมาณมาก นอกจากนี้ ควรเฝ้าระวังและพ่นสารป้องกันโรคพืชเมื่อพบอาการ เช่น ซิงค์ไทอะโซล หรือ คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์


 

 

          กรมส่งเสริมการเกษตร แจ้งเตือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเฝ้าระวังโรคข้าว เนื่องจากพยากรณ์อากาศในระยะนี้รายงานว่า บริเวณประเทศไทยตอนบน ยังคงมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป และมีอากาศหนาวจัดในบางช่วง ทั้งตอนบนของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ซึ่งเหมาะสมต่อการแพร่ระบาดของโรคของขอบใบแห้ง ซึ่งสามารถแพร่ระบาดไปกับกระแสลมได้ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสัมพัทธ์สูงหรือมีหมอกหนา ซึ่งในปี 2565 ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม มีรายงานการระบาดในพื้นที่ตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกรวม 235 ไร่

          ลักษณะอาการของโรคขอบใบแห้ง โรคนี้เป็นได้ตั้งแต่ระยะกล้าจนถึงระยะข้าวออกรวง อาการเริ่มแรกมีลักษณะช้ำที่ขอบใบล่าง และประมาณ 7 – 10 วัน จะขยายกลายเป็นทางสีเหลืองยาวตามใบข้าว ใบที่เป็นโรคจะแห้งเร็ว และสีเขียวจะจางลงเป็นสีเทา ๆ ถ้าปักดำจะแสดงอาการหลังปักดำแล้ว 1 เดือน ใบที่เป็นโรค ในส่วนของขอบใบจะมีรอยขีดช้ำเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แผลมีหยดน้ำสีครีม (bacterial ooze) คล้ายยางสนกลม ๆ เท่าหัวเข็มหมุด ต่อมาเป็นสีน้ำตาลและหลุดไปตามลม น้ำ หรือฝน แผลจะขยายไปตามความยาวของใบ หากมีการเข้าทำลายรุนแรง ต้นข้าวจะเหี่ยวเฉา และแห้งตายทั้งต้นโดยรวดเร็ว เรียกอาการนี้ว่า ครีเสก (kresek)

          การแพร่ระบาด แพร่ระบาดได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น หมอกหนา ลมพัดแรง ฝนตก เป็นต้น

          การป้องกันกำจัดโรคขอบใบแห้ง ควรใช้พันธุ์ข้าวที่ต้านทานต่อโรคขอบใบแห้ง เช่น สุพรรณบุรี 1 สุพรรณบุรี 60 สุพรรณบุรี 90 หรือ กข 7 เป็นต้น ในดินที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ไม่ควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในปริมาณมากเกินความจำเป็น ไม่ควรระบายน้ำจากแปลงที่เป็นโรคไปสู่แปลงอื่น หากปลูกข้าวพันธุ์อ่อนแอต่อโรคดังกล่าว เช่น กข 6 ขาวดอกมะลิ 105 พิษณุโลก 2 ชัยนาท 1 ควรเฝ้าระวังการเกิดโรค หากเมื่อเริ่มพบอาการของโรคบนข้าว ให้ใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น ซิงค์ไทอะโซล คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์ ไตรเบสิคคอปเปอร์ซัลเฟต เป็นต้น

          เชื้อสาเหตุ : เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas oryzae pv. oryzae โรคนี้เกิดได้ตั้งแต่ระยะกล้าจนถึงระยะออกรวง อาการเริ่มแรกมีลักษณะช้ำที่ขอบใบล่าง แล้วจะขยายเป็นทางสีเหลืองช้ำ ยาวตามใบข้าว ใบที่เป็นโรคจะแห้งเร็ว และจางลงเป็นสีเทา แผลมีหยดน้ำสีครีม (bacterial ooze) คล้ายยางสน มีลักษณะกลม ขนาดเท่าหัวเข็มหมุด ต่อมาเป็นสีน้ำตาล และหลุดลอยไปตามลม น้ำ หรือฝน หากอาการรุนแรงต้นข้าวจะเหี่ยวเฉา และแห้งตายทั้งต้นโดยรวดเร็ว เรียกว่า ครีเสก (kresek)

          การแพร่ระบาด

      • แพร่ระบาดได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสันสัมพัทธ์สูง เช่น ฝนตก ลมพัดแรง หมอกหนา เป็นต้นต้น

          คำแนะนำในการป้องกันกำจัด

      • หมั่นสำรวจแปลงข้าวของตนเองอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
      • ใช้พันธุ์ข้าวต้านทานโรคขอบใบแห้ง เช่น สุพรรณบุรี 1 สุพรรณบุรี 60 สุพรรณบุรี 90 กข 7 เป็นต้นต้น
      • ในดินที่อุดมสมบูรณ์ไม่ควรใส่ปุ๋ยโนโตรเจนปริมาณมาก
      • เมื่อเริ่มพบอาการโรคขอบใบแห้ง พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น ซิงค์ไทอะโซล คอปเปเปอร์ไฮดรอกไซด์
      • ไตรเบสิคคอปเปอร์ซัลเฟต เป็นต้น อัตราคำแนะนำในฉลากบนภาชนะบรรจุ

 

ที่มา :

  • https://citly.me/3bdcI
  • https://citly.me/VvaDH