กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดโครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง เฟส 2

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดโครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง เฟส 2

          กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง การยางแห่งประเทศไทย และกรมพัฒนาที่ดิน เปิดโครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง เฟส 2 โดยจะรับซื้อปลาหมอคางดำในราคากิโลกรัมละ 20 บาท (ค่าปลา 15 บาท และค่ารวบรวม 5 บาท) ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง การยางแห่งประเทศไทย และกรมพัฒนาที่ดิน เปิดโครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง เฟส 2 โดยจะรับซื้อปลาหมอคางดำในราคากิโลกรัมละ 20 บาท (ค่าปลา 15 บาท และค่ารวบรวม 5 บาท) ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป


 

 

          นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ 7 มาตรการอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการที่ 1 ควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำที่พบการแพร่ระบาด โดยการจับออกด้วยเครื่องมือประมงที่มีประสิทธิภาพ และมาตรการที่ 3 การนำปลาหมอคางดำที่กำจัดออกจากระบบนิเวศไปใช้ประโยชน์ ซึ่งในมาตรการนี้เป็นการดำเนินการใน เฟส 2 โดยกรมประมงร่วมกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ในการรับซื้อปลาหมอคางดำ เพื่อนำไปผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง ปีงบประมาณ 2568 โดยประกาศเปิดรับสมัครแพปลาที่สนใจเป็นผู้รวบรวมปลาหมอคางดำ ตั้งแต่ วันที่ 30 มกราคม 2568 – วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สำนักงานประมงจังหวัดในพื้นที่ และกรมประมงจะส่งเอกสารการรับสมัครให้ กยท. ตรวจสอบ โดยกรมประมงจะประกาศผลการพิจารณาและประกาศจุดรับชื้อ ภายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 สำหรับการรับซื้อปลาหมอคางดำในครั้งนี้ เกษตรกร ประชาชน สามารถนำปลาหมอคางดำที่จับได้ไปจำหน่ายที่แพปลาที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่ โดย กยท. จะรับซื้อปลาหมอคางดำจากแพปลา ในราคากิโลกรัมละ 20 บาท (ค่าปลา 15 บาท ค่ารวบรวมและนำส่งของแพ 5 บาท) โดยแพปลาจะรวบรวมและนำส่งให้กับสถานีพัฒนาที่ดินและจุดผลิตของ กยท. เพื่อผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพ โดยตั้งเป้าหมายการรับซื้อในเฟส 2 นี้ รวมทั้งสิ้น 600,000 กิโลกรัม วงเงิน 12 ล้านบาท


          นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมงเปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า สถานการณ์การระบาดของปลาหมอคางดำเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ปัจจุบัน พบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ทั้งสิ้น 17 จังหวัด สามารถแบ่งได้ 2 ระดับตามความชุกชุม โดยจังหวัดที่มีความชุกชมปานกลาง จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ระยอง สมุทรปราการ สมุทรสาคร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี และจังหวัดที่มีความชุกชุมน้อย จำนวน 9 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ราชบุรี นนทบุรี นครปฐม กรุงเทพ สมุทรสงคราม นครศรีธรรมราช และสงขลา ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือและเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในภาคของประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการกำจัดปลาหมอคางดำ และนำไปใช้ประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตามกรมประมงยังต้องดำเนินการตาม 7 มาตรการอย่างเข้มข้น เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต่อไป ควบคู่ไปกับการดำเนินการเร่งฟื้นฟูระบบนิเวศในแหล่งน้ำธรรมชาติให้กลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็ว “สำหรับข้อห่วงกังวลทางสังคม ในประเด็น อาจมีผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบางราย ทำการเพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำ เพื่อการจำหน่าย นั้น กรมประมงจะเร่งทำการประชาสัมพันธ์แจ้งข้อมูลข่าวสาร พร้อมทั้งตรวจสอบพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการเพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำ หรือมีเหตุให้สงสัยว่ามีการจำหน่ายปลาหมอคางดำให้กับโครงการฯ แบบการวนจำหน่ายซ้ำ เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย มีบทลงโทษและต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” …อธิบดีบัญชา กล่าว


 

ที่มา : https://citly.me/dJBxy