ถามตอบ มาตรการ Easy E-Receipt 2.0 (ลดหย่อนปีภาษี 2568)

1. ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับ Easy E-Receipt

ตอบ: เป็นมาตรการที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในประเทศ ระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2568 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 โดยสามารถหักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท

ตอบ: ระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2568 – 28 กุมภาพันธ์ 2568

ตอบ: เพื่อส่งเสริมการใช้ e-Tax Invoice & e-Receipt และช่วยให้ประชาชนได้รับประโยชน์ทางภาษี

ตอบ: ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล

ตอบ: ใช้ได้กับสินค้าและบริการที่ซื้อในประเทศ เช่น ค่าอาหาร ค่าโรงแรม ค่าซ่อมรถยนต์ แต่ ไม่รวม ค่าซื้อทองคำแท่ง ค่าเบี้ยประกันชีวิต และค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า

  1. ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์
  2. ค่าซื้อยาสูบ
  3. ค่าซื้อน้ำมัน ค่าซื้อก๊าซ และค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับเติมยานพาหนะ
  4. ค่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และค่าซื้อเรือ
  5. ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต
  6. ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเหนือจากระยะเวลา
    ระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2568ถึงวันที่ 28กุมภาพันธ์ 2568เช่น ค่าสมาชิกต่าง ๆ
  7. ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
  8. ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว
  9. ค่าที่พักในโรงแรม
  10. ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย
  11. ค่าที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม

ได้เฉพาะกรณีซื้อสินค้าหรือรับบริการดังต่อไปนี้

  1. หนังสือ หนังสือพิมพ์และนิตยสาร
  2. หนังสือ หนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
  3. สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์(OTOP) ซึ่งลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว
  4. สินค้าหรือบริการของวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร
  5. สินค้าหรือบริการของวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม

ต้องเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยจะจดแจ้งขอรับสิทธิ
ประโยชน์ทางภาษีต่อกรมสรรพากรหรือไม่ก็ได้

2. สิทธิประโยชน์ทางภาษี

ตอบ: หักลดหย่อนได้สูงสุด 50,000 บาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง

ตอบ: ต้องมี ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ หรือ e-Tax Invoice & e-Receipt ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ตอบ: ต้องเป็นการชำระเงินผ่าน ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น โอนผ่านธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือ e-Wallet

ตอบ: ไม่ได้ เพราะมาตรการนี้กำหนดให้ต้องใช้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น

ตอบ:

(1) ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือจากผู้มิได้เป็นผู้ประกอบการ
จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท

(2) หักลดหย่อนได้เพิ่มอีกตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท ถ้า

(2.1) ซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์(OTOP) ซึ่งลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว
(2.2) ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร
(2.3) ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจ
เพื่อสังคม

ทั้งนี้ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามข้อ (1) รวมถึงค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามข้อ (2) ด้วย เช่น ซื้อสินค้า OTOP 50,000 บาท สามารถหักลดหย่อนได้ 50,000 บาท

ตอบ: ได้ หากเป็นร้านค้าที่อยู่ในประเทศไทยและออก e-Tax Invoice & e-Receipt

3. การขอ e-Tax Invoice & e-Receipt

ตอบ: แจ้งความประสงค์กับผู้ขายสินค้าหรือบริการ และให้เลขประจำตัวประชาชนเพื่อออกใบกำกับภาษี

ตอบ: สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของ กรมสรรพากร

ตอบ: ไม่จำเป็น ต้องเป็นร้านค้าที่เข้าร่วมระบบ e-Tax Invoice เท่านั้น

หาก e-Tax Invoice มีรายการครบถ้วน แม้จะมีการระบุชื่อหรือที่อยู่ผู้ซื้อสินค้าผิด ก็สามารถนำมาใช้หักลดหย่อนได้ทั้งนี้ ควรตรวจสอบว่าเลขประจำตัวประชาชนของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการถูกต้องหรือไม่ เพื่อประโยชน์ในการใช้ข้อมูลยื่นแบบแสดงรายการภาษี

ตอบ: ได้ ตราบใดที่เป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่ออกโดยผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

ตอบ: ใช้ข้อมูลจาก e-Tax Invoice & e-Receipt เพื่อกรอกแบบ ภ.ง.ด.90/91 ในการยื่นภาษี

ตอบ: ต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป หรือ e-Tax Invoice & e-Receipt ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ตอบ: หากได้รับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่ถูกต้อง ก็สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้

ตอบ: ไม่ได้ มาตรการนี้กำหนดให้สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนได้สูงสุด 50,000 บาท เท่านั้น หากใช้จ่ายเกินกว่านี้ ส่วนที่เกินจะไม่สามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้

ตอบ: ส่งผลโดยตรง หากขอคืนเงินหรือยกเลิกรายการซื้อ ใบกำกับภาษีที่ออกให้จะถูกยกเลิกไปด้วย และยอดใช้จ่ายนั้นจะไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ ดังนั้นต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนขอคืนเงินหรือยกเลิกรายการซื้อ

  1. ชื่อและนามสกุล
  2. ที่อยู่
  3. เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน)

เมื่อแจ้งข้อมูลส่วนบุคคลถูกต้องครบถ้วนแล้ว ข้อมูลการซื้อสินค้าและการรับบริการจะปรากฏใน My Tax Account ของผู้เสียภาษี และสามารถใช้ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2568

4. ผลกระทบและข้อดีของมาตรการนี้

ตอบ: ลดภาระงานเอกสาร เพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บภาษี และลดความเสี่ยงจากการสูญหายของเอกสาร

ตอบ: ช่วยลดปัญหาการออกใบกำกับภาษีปลอม และเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบภาษี

ตอบ: กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ทำให้เงินหมุนเวียนมากขึ้น

ตอบ: มี โดยมีโทษทางอาญาและอาจถูกเพิกถอนสิทธิในการประกอบธุรกิจ

ตอบ: ติดต่อ กรมสรรพากร ผ่านเว็บไซต์หรือ Call Center เพื่อขอคำแนะนำ

ตอบ: มาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” เน้นการใช้ e-Tax Invoice & e-Receipt และการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น

บทสรุป: มาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” เป็นมาตรการภาษีที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้เสียภาษีสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนได้สูงสุด 50,000 บาท แต่ต้องเป็นรายการที่ชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และมีใบกำกับภาษีที่ถูกต้อง

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ของ กรมสรรพากร