กฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. 2567 มีผลวันที่ 1 ต.ค. 68
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยสาระสำคัญของกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. 2567
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยสาระสำคัญของกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. 2567 ซึ่งออกตามมาตรา 131 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โดยกำหนดให้ลูกจ้างที่เป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างต้องจ่ายเงินสะสม โดยให้นายจ้างหักจากค่าจ้าง และนายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนในอัตราที่กำหนด แต่ไม่เกินร้อยละ 5 ของค่าจ้าง
ทั้งนี้ กฎกระทรวงดังกล่าวมีกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป โดยกำหนดอัตราการนำส่งเงินสะสมและเงินสมทบของทั้งฝ่ายลูกจ้างและนายจ้าง ดังนี้
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2573
ลูกจ้างต้องจ่ายเงินสะสมในอัตรา 0.25% ของค่าจ้าง
นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบในอัตรา 0.25% ของค่าจ้าง
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2573 เป็นต้นไป
ลูกจ้างต้องจ่ายเงินสะสมในอัตรา 0.50% ของค่าจ้าง
นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบในอัตรา 0.50% ของค่าจ้าง
การกำหนดอัตราดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างหลักประกันให้กับลูกจ้างในการได้รับสวัสดิการที่มั่นคงและเหมาะสม โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจะมีมาตรการกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายและสร้างความเข้าใจแก่ทั้งนายจ้างและลูกจ้างเกี่ยวกับข้อกำหนดดังกล่าว เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างถูกต้องและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
ที่มา : https://shorturl.asia/GloPY