สปสช. ปรับเกณฑ์เบิกจ่ายค่ารักษามะเร็ง กรณีการให้เคมีบำบัด ฮอร์โมน รังสีรักษามะเร็ง มีผลย้อนหลัง 1 ม.ค. 68
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปรับเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษามะเร็ง รวมถึงเคมีบำบัด ฮอร์โมน และรังสีรักษา โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 และเผยแพร่ผ่านราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งประกาศฉบับใหม่ได้ยกเลิกหลักเกณฑ์เดิมปี 2567 และกำหนดให้ใช้แนวทางการรักษาตามอายุของผู้ป่วย โดยมีแนวทางเฉพาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งนี้ หน่วยบริการสามารถขอรับค่าใช้จ่ายย้อนหลังได้หากให้บริการตั้งแต่ต้นปี 2568

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ลงนามในประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง “การจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีการให้เคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือรังสีรังษา สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร (แก้ไขหลักเกณฑ์การจ่ายค่าใช้จ่าย) พ.ศ. 2568” ซึ่งเผยแพร่ผ่านราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 17 ก.พ 2568 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สำหรับสาระสำคัญของประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่า ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีการให้เคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือรังสีรังษา สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร พ.ศ. 2567 และ ประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีการให้เคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือรังสีรังษา สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567
รวมถึงให้ประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีการให้เคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือรังสีรังษา สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้ต่อไป
นอกจากนี้ให้ยกเลิกความใน 6.1 ของข้อ 6 แห่งประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีการให้เคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือรังสีรังษา สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร พ.ศ. 2566 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“6.1 การขอรับค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามแนวทางการรักษา ดังต่อไปนี้
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี ให้เป็นไปตามแนวทาง ดังต่อไปนี้
- แนวทางการรักษาโรคมะเร็งในเด็ก พ.ศ. 2566 (ISBN 978-616-490-096-7)
- แนวทางการขอรับค่าบริการสาธารณสุขกรณีโรคมะเร็งในเด็ก พ.ศ. 2566 (ISBN 978-616-490-095-0)
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีอายุระหว่าง 15 ปี ถึง 18 ปี ให้เป็นไปตามแนวทาง ดังต่อไปนี้
- แนวทางการรรักษาโรคมะเร็งในเด็ก พ.ศ. 2566 (ISBN 978-616-490-096-7)
- แนวทางการขอรับค่าบริการสาธารณสุขกรณีโรคมะเร็งในเด็ก พ.ศ. 2566 (ISBN 978-616-490-095-0)
- แนวทางการขอรับค่าบริการสาธารณสุขกรณีโรคมะเร็งในผู้ใหญ่ พ.ศ. 2566 (ISBN 978-616-490-097-4)
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีอายุมากกว่า 18 ปี ให้เป็นไปตามแนวทางการขอรับค่าบริการสาธารณสุขกรณีโรคมะเร็งในผู้ใหญ่ พ.ศ. 2566 (ISBN 978-616-490-097-4)”
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี ให้เป็นไปตามแนวทาง ดังต่อไปนี้
ส่วนการขอรับค่าใช้จ่ายตาม 6.1 แห่งประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีการให้เคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือรังสีรังษา สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร พ.ศ. 2566 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศนี้ ที่ได้ให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ให้ถือเป็นการขอรับค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขตามประกาศนี้
ที่มา : https://www.thecoverage.info/news/content/8237
