ครม. อนุมัติจัดตั้งกองทุน Thai ESG EXTRA ขึ้นมาใหม่ ให้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 แสนบาท

ครม. อนุมัติจัดตั้งกองทุน Thai ESG EXTRA ขึ้นมาใหม่ ให้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 แสนบาท

         คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติจัดตั้งกองทุน Thai ESG EXTRA ขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะให้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 แสนบาท


 

 

         นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติจัดตั้งกองทุน Thai ESG EXTRA ขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะให้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 แสนบาท ทั้งนี้ แบ่งเป็น

         – กลุ่มนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) 1.8 แสนล้านบาท หากย้ายมาอยู่ในกองทุน Thai ESG EXTRA ปีภาษี 2568 จะได้รับสิทธิประโยชน์ได้ไม่เกิน 3 แสนบาท ส่วนอีก 2 แสนบาทที่เหลือ จะให้ลดหย่อนภาษีปีละ 5 หมื่นบาท ในปีที่ 2-5

         – กลุ่มนักลงทุนรายใหม่ หากเข้ามาลงทุนใน Thai ESG EXTRA จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อยภาษี 3 แสนบาท โดยจะเปิดให้มีการลงทุน 2 เดือน คือ ช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.68 ทั้งนี้ จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน

         “นักลงทุนที่ถือ LTF อยู่ สามารถเลือกได้ว่าจะย้ายกองทุนมาที่ Thai ESG EXTRA หรือไม่ โดยหากย้ายกองมาก็จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่กล่าวมาข้างต้น แต่จะต้องย้ายวงเงินการลงทุนมาทั้งหมด”

         ขณะเดียวกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ตนจะมีการเรียกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาหารือถึงการสร้างความยั่งยืนของ ESG และให้บริษัทขนาดใหญ่เข้ามาช่วยกันปรับตัว และกลุ่มบริษัท SET 50-100 ก็จะลงไปดูรายละเอียดว่าควรปรับอย่างไรให้ธุรกิจเดินหน้าสู่ ESG เป็นหนึ่งในมาตรการรัฐจะดำเนินการต่อไป

         ทั้งนี้ จะสร้างความเชื่อมั่น ด้วยการออกกฎหมาย พ.ร.ก. ให้อำนาจก.ล.ต. มีอำนาจสอบสวนคดีอาญา เพื่อดูแลเรื่องเร่งด่วน และดูแลนักลงทุนรายย่อย คาดว่าจะได้ข้อสรุป ไม่เกิน 2 สัปดาห์ เพื่อเสนอครม.อนุมัติต่อไป

         นายพิชัย กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ในตลาดหุ้นทั่วโลกถือว่ามีความผันผวนมากจากนโยบายของโดนัลก์ ทรัมป์ที่มีการปรับขึ้นภาษีกับคู่ค้า ล่าสุด ในสหรัฐฯตลาดหุ้นก็ลดลงมากทั้งดัชนี Nasdaq และดาวน์โจนส์ ส่วนดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงโดยหุ้นไทยเคยลงมาอยู่ในระดับต่ำประมาณ 1,200 จุด ตอนนั้นเราทำกองทุนวายุกภักษ์ก็สามารถดึงดัชนีขึ้นไปได้ที่ประมาณ 1,400 จุดก่อนจะปรับลดลงมาที่ระดับ 1,200 จุด และได้รับผลกระทบจากข่าวสารภายนอก

         ทั้งนี้ รัฐบาลมีแนวคิดว่าในกองทุน ESG มีการเลือกหุ้นที่ดีมีอนาคต การเติบโตที่ยั่งยืน และมีการลงทุนในเทคโนโลยี ซึ่งถือว่ามีโอกาสเติบโตในอนาคต เมื่อมีความชัดเจนเรื่องนโยบายนี้ก็เชื่อว่าจะสามารถชะลอแรงขายของดัชนีหุ้นลงได้

 

         เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ร่างกฎกระทรวงฯ) ตามมาตรการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) และเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพและยกระดับการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และการบริหารเงินลงทุนของผู้ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long-Term Equity Fund: LTF) ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social and Governance: ESG) โดยมาตรการดังกล่าว มีสาระสำคัญ สรุปได้ ดังนี้
 
         1. จัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จัดตั้งกองทุนขึ้นมาใหม่ โดยยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุน Thai ESGX ที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกหรือกิจการในประเทศไทยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) และจะต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๕ ของ NAV ทั้งนี้ บลจ. จะเปิดให้ผู้ลงทุนสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของ LTF ทั้งหมดที่ถืออยู่ในทุก บลจ. เป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX รวมทั้งเปิดขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไป
 
         2. มาตรการภาษีเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดทุนไทยและส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทยตามร่างกฎกระทรวงฯ ประกอบด้วย
 
         2.1 การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX
 
                  2.1.1 สิทธิประโยชน์ทางภาษี
 
                           1) เงินที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยจะต้องซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ภายในระยะเวลา 2 เดือน ตั้งวันที่ 1 พฤษภาคม – วันที่ 30 มิถุนายน 2568
 
                           2) เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับจากการขายหน่วยลงทุนตามข้อ 1) ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
 
                  2.1.2 เงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
 
                           – ผู้ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน
 
         2.2 การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนในกองทุน LTF และได้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนดังกล่าวเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX
 
                  2.2.1 สิทธิประโยชน์ทางภาษี
 
                  1) มูลค่าของหน่วยลงทุนทั้งหมดที่ผู้มีเงินได้ถือในกองทุน LTF และได้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนดังกล่าวเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 500,000 บาท โดยปีภาษี 2568 ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท และปีภาษี 2569 – 2572 ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะส่วนที่เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคลลธรรมดาเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี กล่าวคือ ไม่เกินปีละ 50,000 บาท
 
                  2) เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนตามข้อ 1) ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
 
                  2.2.2 เงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุน LTF จะต้องแสดงความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดในกองทุน LTF ทั้งจำนวนเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่กองทุน Thai ESGX เปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนครั้งแรก แต่ไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2568 โดยจะต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ทั้งนี้ การคำนวณเงินได้ที่ได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ใช้จำนวนหน่วยลงทุน ณ วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ และมูลค่าหน่วยลงทุนให้ถือราคา ณ วันที่แจ้งความประสงค์
 
         สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป ในปี 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกองทุน Thai ESGX เป็นวงเงินเพิ่มเติมจากวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันสำหรับกองทุน Thai ESG และสำหรับในปี 2569 เป็นต้นไป วงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกองทุน Thai ESGX จะรวมอยู่ในวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเดียวกับวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันสำหรับกองทุน Thai ESG
 
         โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า ร่างกฎกระทรวงฯ จะช่วยเพิ่มการลงทุนในกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล และเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนสำหรับนักลงทุน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญสนับสนุนไม่ให้เงินลงทุนไหลออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อันจะเป็นการเพิ่มเสถียรภาพของตลาดทุนไทยและสร้างบรรยากาศที่ดีในการลงทุน

 


 

ที่มา : https://www.thansettakij.com/economy/621714