คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี แจ้งงดบริการภายในอาคารหลัก 48 ชม.หลังเกิดเพลิงไหม้ 11 มี.ค 68

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี แจ้งงดบริการภายในอาคารหลัก 48 ชม.หลังเกิดเพลิงไหม้ 11 มี.ค 68

         คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี แจ้งงดบริการภายในอาคารหลัก 48 ชม.หลังเกิดเพลิงไหม้ เนื่องด้วยในวันที่ 11 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 19.20 น. พบเหตุกลุ่มควันและ เพลิงไหม้ที่อาคารหลัก (อาคาร 1) โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงได้แจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย เพื่อเข้ามาระงับเหตุ และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนที่รับการรักษาอยู่ภายในอาคารหลักออกนอกพื้นที่ในทันทีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยเข้าระงับเหตุ ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลฯ ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด ในระยะแรก ของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด ทั้งการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก รวมทั้งงดการผ่าตัด เป็นเวลา 48 ชั่วโมง สำหรับงานเวชระเบียน การบริจาคโลหิตและจุดเจาะเลือดขอให้ใช้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ 


 

 

          เนื่องด้วยในวันที่ 11 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 19.20 น. พบเหตุกลุ่มควันและ เพลิงไหม้ที่อาคารหลัก (อาคาร 1) โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงได้แจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย เพื่อเข้ามาระงับเหตุ และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนที่รับการรักษาอยู่ภายในอาคารหลักออกนอกพื้นที่ในทันทีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยเข้าระงับเหตุ โดยปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วเบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดีได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด


          ในระยะแรก โรงพยาบาลรามาธิบดีจะของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด ทั้งการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก รวมทั้งงดการผ่าตัด เป็นเวลา 48 ชั่วโมงเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยภายในอาคารและของดให้บริการผู้ป่วยใหม่ที่ห้องฉุกเฉิน


          สำหรับงานเวชระเบียน การบริจาคโลหิตและจุดเจาะเลือดขอให้ใช้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ


          หากมีความคืบหน้าทางโรงพยาบาลรามาธิบดีจะแจ้งให้ทราบต่อไป หรือหากท่านมีความจำเป็นเร่งด่วน สามารถสอบถามข้อมูลการให้บริการในระหว่างนี้ได้ที่ Call Center 0-2201-1000 และ 0-2200-3000


 

ที่มา : https://citly.me/LKzVk