กระตุ้นเศรษฐกิจ 67, ข่าวสารกิจกรรม
ที่ประชุมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 3 มีมติให้โอนเงิน 10,000 บาทแก่ประชาชนกลุ่มอายุ 16 – 20 ปี
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 3 ผ่านการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับประชาชนกลุ่มอายุ 16 – 20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน
วันนี้ (10 มีนาคม 2568) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่าที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 3 ผ่านการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 สำหรับประชาชนกลุ่มอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน โดยคาดว่าจะเริ่มจ่ายเงินได้ภายในปลายไตรมาส 2 ของปีนี้
รัฐบาลเลือกกลุ่มเป้าหมายนี้เนื่องจากเป็นวัยเรียนที่สามารถนำเงินไปใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์การศึกษาที่จำเป็นได้ ส่วนกลุ่มอายุ 20-60 ปี จะมีการพิจารณาความเหมาะสมของช่วงเวลาการแจกเงินในโอกาสต่อไป
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ในการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท สำหรับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี ครั้งนี้ รัฐบาลได้ตัดเงื่อนไขเดิมออก 2 ส่วน คือ
ตัดรายการสินค้าต้องห้าม หรือ Negative List ออกทั้งหมด เพราะได้ตรวจสอบร้านค้าที่ขึ้นทะเบียนแล้ว เพื่อให้คนกลุ่มนี้สามารถใช้จ่ายได้สะดวกขึ้น เช่น ซื้อสินค้าร้านโชห่วย หรือร้านที่มีสินค้าหลายประเภท
เปิดให้ร้านค้าทุกประเภทสามารถถอนเงินสดออกมาได้อีกด้วย เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับร้านค้า
ตามกำหนดการ โครงการนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆ นี้ และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเร็วที่สุดในไตรมาสที่ 2 หรือต้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2568
เงื่อนไขการใช้เงินดิจิตอลวอลเล็ตว่า มีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า โครงการดิจิตอลวอลเล็ตครั้งนี้ เป็นการตั้งโครงการขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยการดึงข้อมูลมาจากแอปพลิเคชันทางรัฐ ส่วนรายละเอียด การใช้เงินค่อนข้างที่จะคล้ายเดิม แต่เรื่องของสินค้า ไม่กำหนดห้าม จะกำกับดูแลการลงทะเบียนของร้านค้าแทน จะมีข้อห้ามว่าร้านค้าที่ไม่ให้เข้าร่วมจะเป็นลักษณะใด เช่น ร้านทอง ร้านที่ขายเหล้าโดยเฉพาะ แต่ไม่ได้ห้ามตรวจสินค้า ยกตัวอย่าง หากนำไปใช้ในร้านโชห่วย ที่มีสินค้าหลากหลาย ก็สามารถซื้อได้ทุกประเภท พร้อมกับมีการปรับเปลี่ยน โดยการทำให้ง่ายขึ้น คือ ถอดการขึ้นเงินสดของร้านค้า โดยให้ร้านค้าทุกประเภท สามารถขึ้นเงินได้ โดยไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในการเสียภาษี เพื่อให้เกิดการสะดวกแก่ร้านค้า และเป็นการเชิญชวนให้ร้านค้าเข้าร่วมโครงการมากขึ้น
ส่วนพื้นที่ในการใช้เงินดิจิตอล ยังเป็นพื้นที่ภายในอำเภออยู่ โดยหวังผลการกระตุ้นเศรษฐกิจมาก เพราะจากการกระตุ้นเศรษฐกิจไป 2 รอบ มีผลสำรวจออกมาจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มีผลที่ดีทั้ง 2 รอบ มีการหมุนเวียนและกระจายตัวที่ดีมาก และรอบนี้เชื่อว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เพราะใช้กลไกของดิจิตอลวอลเล็ต จะสามารถจำกัดตัวเม็ดเงินไปในจุดที่ต้องการได้มากขึ้น และเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งนี้ยังมีกลไกในการเติมเงิน อายุ 16-20 ปี เพื่อไปใช้เรื่องปัญหาค่าครองชีพ และเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิตอลต่อไปในอนาคต
ที่มา :
- https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/94221
- https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/371633?fbclid=IwY2xjawI7c95leHRuA2FlbQIxMAABHY7FkLd5Raxq7zxqPiHrUWHjNUSY-P-20308DusaFq-7BTtdMqFstfN7Sw_aem_SFcxRQ-TymxEP5pgqzzBrg
- https://www.thansettakij.com/economy/621625