นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

สถานะปัจจุบันของนโยบาย

       ปัจจุบัน (11 เม.ย. 68) กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายแล้วใน 2 เส้นทาง ได้แก่:

    • สายสีม่วง Purple Line (รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม)
      ทั้งหมด 16 สถานี : คลองบางไผ่, ตลาดบางใหญ่, สามแยกบางใหญ่, บางพลู, บางรักใหญ่, บางรัก, น้อยท่าอิฐ ไทรป่า, สะพานพระนั่งเกล้า, แยกนนทบุรี 1, บางกระสอ, ศูนย์ราชการนนทบุรี, กระทรวงสาธารณสุข, แยกติวานนท์, วงศ์สว่าง, บางซ่อน และเตาปูน
    • สายสีแดง SRT Red Lines
      • เส้นทางที่ 1 รถไฟฟ้าชานเมือง สายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ – รังสิต) ทั้งหมด 10 สถานี : บางซื่อ, จตุจักร, วัดเสมียนนารี, บางเขน, ทุ่งสองห้อง, หลักสี่, การเคหะฯ, ดอนเมือง, หลักหก และรังสิต
      • เส้นทางที่ 2 สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ – ตลิ่งชัน) ทั้งหมด 7 สถานี : บางซื่อ, บางซ่อน, สะพานพระราม 6, บางกรวย – กฟผ., บางบำหรุ และตลิ่งชัน

       นโยบายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ โดยพบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่เปิดให้บริการ (New High)

แผนขยายผลในอนาคต

รัฐบาลยืนยันว่า จะขยายผลนโยบายครอบคลุม 8 เส้นทาง ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ได้แก่:

    1. สายสีเขียว
    2. สายสีทอง
    3. สายสีเหลือง
    4. สายสีชมพู
    5. สายสีน้ำเงิน
    6. แอร์พอร์ต เรล ลิงก์
    7. สายสีม่วง **(ค่าโดยสาย 20 บาทตลอดสายแล้ว)
    8. สายสีแดง **(ค่าโดยสาย 20 บาทตลอดสายแล้ว)

การลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์

การลงทะเบียน

    • ทำไมต้องลงทะเบียน: เพื่อยืนยันตัวตนเพื่อให้ระบบสามารถจัดการค่าใช้จ่ายระหว่างผู้ให้บริการที่ต่างกันได้
    • คุณสมบัติผู้มีสิทธิ์: ต้องมีเลขประจำตัวประชาชนไทย 13 หลัก (นักท่องเที่ยวต่างชาติจะไม่ได้รับสิทธิ์ตามนโยบายนี้)
    • ช่องทางลงทะเบียน: ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”
    • ขั้นตอนการลงทะเบียน : กรอกหมายเลขบัตรประชาชน และกรอกข้อมูลบัตรที่จะใช้ชำระค่าโดยสาร
    • ช่วงเวลาลงทะเบียน: เตรียมเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 25 สิงหาคม 2568  เป็นต้นไป ไม่จำกัดจำนวนผู้มีสิทธิ์ และไม่มีกำหนดปิดรับลงทะเบียน

การใช้สิทธิ์

    • รอประกาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง

หากไม่ได้ลงทะเบียน

    • หากไม่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ หรือไม่มีการผูกใช้งานบัตรที่ได้ลงทะเบียนไว้จะต้องจ่ายตามอัตราปกติ

รูปแบบการชำระเงิน

การใช้งานบัตรโดยสาร

    • บัตร Rabbit : ใช้กับ 4 สาย คือ สีเขียว สีทอง สีชมพู สีเหลือง 
    • บัตร EMV Contactless (Visa/Mastercard) : ใช้ได้กับสายสีแดง น้ำเงิน ม่วง ชมพู เหลือง และแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ไม่รวมสายสีเขียวและทอง)
    • หมายเหตุ
      • บัตรโดยสารที่นอกเหนือจากนี้ หรือ บัตรที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับแอปทางรัฐ ให้ชำระค่าโดยสารราคาปกติ
      • บัตร EMV คือบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตทั้งไทยและต่างประเทศที่ออกภายใต้ Visa หรือ Mastercard

การคิดอัตราค่าโดยสาร 

  • รถไฟฟ้าแต่ละสายคิดอัตราค่าโดยสารสูงสุด คือ 20 บาท
  • กรณีมี การเปลี่ยนสายการเดินทาง เป็นสายที่ 2 ค่าโดยสารทั้งหมดจะจ่ายแค่ 20 บาท
  • กรณี อัตราค่าโดยสารไม่ถึง 20 บาท ให้เสียค่าบริการในอัตราปกติ  
  • ผู้โดยสารที่เดินทางข้ามสาย ต้องถือบัตร 2 ใบ 

เมื่อลงทะเบียนผ่านแอป”ทางรัฐ”แล้ว

    • ในปีแรก ยังไม่สามารถใช้บัตรข้ามสายกันได้ ยังใช้บัตรเดิมของแต่ละสาย
    • แต่ค่าโดยสารตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางที่มีการเดินทางข้ามสายจะสูงสุดไม่เกิน 20 บาท
    • โดยผ่านแอป”ทางรัฐ”เพื่อใช้ระบบเคลียร์ริ่งเฮ้าส์

แผนอนาคต

    • ในปี 2569 จะเริ่มใช้ระบบ QR Code สำหรับสแกนจ่ายค่าโดยสารผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยจะ ยกเลิกการใช้บัตรโดยสารในระยะยาว

แผนการชดเชยรายได้ผู้ประกอบการ

  • ประเมินค่าใช้จ่ายในการชดเชยให้เอกชนปีละ ประมาณ 8,000 ล้านบาท
  • ใช้รายได้จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และเงินในกองทุน รฟม. (ปัจจุบันประมาณ 16,000 ล้านบาท) เป็นแหล่งเงินชดเชย
  • นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. และจัดตั้ง “กองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม” คาดว่าจะประกาศกฎหมายลำดับรองได้ภายใน กันยายน 2568 

ผลกระทบเชิงบวกจากนโยบาย

  • ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
  • จูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล
  • ส่งผลดีต่อการลดปัญหามลพิษทางอากาศ เช่น PM2.5
  • ส่งเสริมความเท่าเทียมด้านการเดินทางให้แก่คนทุกกลุ่ม