กรมสุขภาพจิต เตือนให้ระวัง “ภาวะเครียดจากสถานการณ์การเมือง”
- กรมสุขภาพจิต เตือนให้ระวัง “ภาวะเครียดจากสถานการณ์การเมือง” หรือ Political Stress Syndrome (PSS)
- ซึ่งแม้ไม่ใช่โรคจิตเวชโดยตรง แต่สะท้อนถึงความตึงเครียดทางอารมณ์
- โดยมีอาการสำคัญ 3 ด้าน- อาการทางร่างกาย เช่น ปวดตึงศีรษะ หายใจไม่อิ่ม ใจสั่น นอนไม่หลับ
- อาการทางจิตใจ เช่น หงุดหงิด โกรธ เบื่อหน่าย ฟุ้งซ่าน หมกมุ่นกับข่าว
- พฤติกรรม เช่น การโต้เถียงหรือใช้ถ้อยคำรุนแรงในครอบครัวหรือบนโลกออนไลน์ ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งบานปลาย
 
- การสื่อสารที่รุนแรง อาจสร้างผลกระทบต่อบุคคล 3 กลุ่ม- ผู้ส่งสาร ที่อาจพลาดพลั้งใช้ถ้อยคำรุนแรงโดยไม่ตั้งใจ
- ผู้รับสาร ที่อาจรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล
- และ สังคมโดยรวม ที่เสี่ยงต่อการเกิดบรรยากาศของความแตกแยก ความเกลียดชัง และความไม่น่าไว้วางใจ
 
- กรมสุขภาพจิต แนะนำ 5 วิธีรับมือความเครียดทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์- รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองขณะเสพข่าว
- จำกัดเวลาในการติดตามข่าวสาร
- ดำรงชีวิตอย่างสมดุล ไม่ละเลยหน้าที่
- เคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง
- ผ่อนคลายอย่างเหมาะสม เช่น นอนหลับ ออกกำลังกาย ทำสมาธิ หรือฝึกหายใจลึก ๆ
 
- สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ณ สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง
แนะนำ 5 วิธี รับมือ “ภาวะเครียดจากการเมือง” อย่างสร้างสรรค์ – เผยวิธีดูแลใจ สร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ ชีวิตดีมีความสุข
วันนี้ (22 มิ.ย. 68) เวลา 09.50 น. นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น รัฐบาลขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนร่วมดูแลสุขภาพจิตของตนเองและคนรอบข้าง โดยเฉพาะในช่วงที่กระแสข่าวสารและความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์มีความหลากหลายและรุนแรงมากขึ้น
รัฐบาลโดย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศเตือนให้ระวัง “ภาวะเครียดจากสถานการณ์การเมือง” หรือ Political Stress Syndrome (PSS) ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับบุคคลที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด หรือมีความโน้มเอียงไปทางความคิดเห็นใดทางหนึ่งมากเกินไป จนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งทางร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์กับผู้อื่น ภาวะ PSS ไม่ใช่โรคทางจิตเวชโดยตรง แต่เป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่สะท้อนความตึงเครียดที่ผู้คนมีต่อสถานการณ์รอบตัว
โดยมีลักษณะสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่
- อาการทางร่างกาย เช่น ปวดตึงศีรษะ หายใจไม่อิ่ม ใจสั่น นอนไม่หลับ
- อาการทางจิตใจ เช่น หงุดหงิด โกรธ เบื่อหน่าย ฟุ้งซ่าน หมกมุ่นกับข่าว
- พฤติกรรม เช่น การโต้เถียงหรือใช้ถ้อยคำรุนแรงในครอบครัวหรือบนโลกออนไลน์ ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งบานปลาย
ทั้งนี้ การสื่อสารที่รุนแรง อาจสร้างผลกระทบต่อบุคคล 3 กลุ่ม ได้แก่
- ผู้ส่งสาร ที่อาจพลาดพลั้งใช้ถ้อยคำรุนแรงโดยไม่ตั้งใจ
- ผู้รับสาร ที่อาจรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล
- และ สังคมโดยรวม ที่เสี่ยงต่อการเกิดบรรยากาศของความแตกแยก ความเกลียดชัง และความไม่น่าไว้วางใจ
กรมสุขภาพจิต ขอแนะนำ 5 แนวทางดูแลใจ เพื่อลดความเครียดและสร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ ดังนี้
- รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองขณะเสพข่าว
- จำกัดเวลาในการติดตามข่าวสาร
- ดำรงชีวิตอย่างสมดุล ไม่ละเลยหน้าที่
- เคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง
- พักผ่อนและผ่อนคลายความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การนอนหลับ ออกกำลังกาย ทำสมาธิ หรือฝึกหายใจลึก ๆ
สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าอาการเครียดส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ขอให้รีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ณ สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง
“รัฐบาลขอเน้นย้ำถึงความสำคัญของ “สติ” ในการเสพและสื่อสารข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะในช่วงที่สังคมมีความอ่อนไหวสูง การรับฟังอย่างมีวิจารณญาณ พูดจาอย่างสร้างสรรค์ และเคารพความคิดเห็นที่หลากหลาย จะช่วยสร้างสังคมที่น่าอยู่ และร่วมกันประคับประคองประเทศให้ก้าวข้ามทุกความขัดแย้งไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง” นางสาวศศิกานต์ ทิ้งท้าย
ที่มา : Website รัฐบาลไทย
