รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันไม่มีการลงนามยอมให้ทหารกัมพูชาอยู่บนปราสาทตาเมือนธม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันไม่มีการลงนามยอมให้ทหารกัมพูชาอยู่บนปราสาทตาเมือนธม

            รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกรณีที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการ ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า “จริงหรือไม่ที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 นายภูมิธรรม ไปลงนามยินยอมให้ทหารกัมพูชามาประจำการที่ปราสาทตาเมือนธม” นั้น

            การที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์ในปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นพื้นที่ความขัดแย้งเดิมอยู่แล้ว และการที่กัมพูชานำเรื่องนี้ไปขึ้นศาลโลก เป็นเรื่องที่ถูกดำเนินการไว้อยู่แล้ว การที่มีนักท่องเที่ยวกัมพูชาสามารถขึ้นมากราบไหว้และเดินทางกลับไปได้ แต่เมื่อขึ้นมาแล้ว การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และแสดงความเป็นเจ้าของ ไทยก็ดำเนินการประท้วงและไม่อนุญาตให้เข้ามา ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการประท้วงด้วยลายลักษณ์อักษรทั้งหมด ทั้งกองทัพ และกระทรวงการต่างประเทศ ได้รวบรวมเรื่องนี้ไว้หมดแล้ว ซึ่งเกิดการประท้วงนับ 600 ครั้ง

            พร้อมยืนยันว่า มีเอกสารและหลักฐานทั้งหมด และ ข้อตกลง MOU43 ตามหลักการจะมีการลาดตระเวนทั้งสองฝ่าย และต้องช่วยกันดู ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการตามกรอบที่ดำเนินการก่อนหน้านี้ แต่สิ่งไหนที่ล่วงละเมิดไทยก็ไม่ยอม



 

            นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกรณีที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการ ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า จริงหรือไม่ที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 นายภูมิธรรม ไปลงนามยินยอมให้ทหารกัมพูชามาประจำการที่ปราสาทตาเมือนธม

            ระบุว่า การที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์ในปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นพื้นที่ความขัดแย้งเดิมอยู่แล้ว และการที่กัมพูชานำเรื่องนี้ไปขึ้นศาลโลก เป็นเรื่องที่ถูกดำเนินการไว้อยู่แล้ว การที่มีนักท่องเที่ยวกัมพูชาสามารถขึ้นมากราบไหว้และเดินทางกลับไปได้ แต่เมื่อขึ้นมาแล้ว การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และแสดงความเป็นเจ้าของ ไทยก็ดำเนินการประท้วงและไม่อนุญาตให้เข้ามา ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการประท้วงด้วยลายลักษณ์อักษรทั้งหมด ทั้งกองทัพ และกระทรวงการต่างประเทศ ได้รวบรวมเรื่องนี้ไว้หมดแล้ว ซึ่งเกิดการประท้วงนับ 600 ครั้ง

            พร้อมยืนยันว่า มีเอกสารและหลักฐานทั้งหมด และ ข้อตกลง MOU43 ตามหลักการจะมีการลาดตระเวนทั้งสองฝ่าย และต้องช่วยกันดู ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการตามกรอบที่ดำเนินการก่อนหน้านี้ แต่สิ่งไหนที่ล่วงละเมิดไทยก็ไม่ยอม

            ดังนั้น การที่นายสมชัย จะออกมาพูดอะไรต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ยืนยัน ไม่ได้มีการเซ็นยินยอมอะไร ทั้งหมดเป็นไปตามเป็นไปตามกรอบ MOU43 ที่ดำเนินการให้อยู่แล้ว พร้อมย้ำว่า ไทยดำเนินการด้วยสันติวิธี และดำเนินการผ่านกลไกทวิภาคีเป็นหลัก เพื่อให้เกิดการพูดคุยในทุกระดับ และการพูดคุยในระดับคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ไทย – กัมพูชา ไม่เคยล้มเหลว

            ส่วนการประชุมชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC จะพูดคุยระดับแม่ทัพ ซึ่งเท่าที่ทราบกองทัพกำลังพูดคุยกันเพื่อเข้าสู่เวที RBC ทางกัมพูชาต้องรอการอนุมัติจากสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ดังนั้น ไทยก็รอให้เกิดการเจรจาให้เกิดขึ้น ถือว่าไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอนและยื่นหนังสือไว้เป็นหลักฐาน ทุกอย่างจึงดำเนินการตามกลไกของ JBC และข้อตกลง MOU43 ในขณะที่ช่วงนั้นตนเองอยู่ไหนก็ไม่ทราบ

            ส่วนข้อเสนอการเปิดด่านของกัมพูชา ที่ระบุว่า ให้ไทยเปิดด่านก่อน แล้วกัมพูชาจะตามหลังเปิดตามหลังภายใน 5 ชั่วโมงนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้ต้องการลดการเผชิญหน้าตลอดแนว โดยอยากให้มีการปรับกำลังทั้งหมด และไทยก็ต้องการเปิดด่านทั้งหมดไปพร้อมกัน จึงได้พูดคุยกันในหลายส่วน แต่ทางกัมพูชาก็ต้องขึ้นอยู่กับสมเด็จฮุนเซน เพียงคนเดียว ซึ่งได้เสนอเงื่อนไขนี้จริง ซึ่งรัฐบาลมองว่าเป็นไปไม่ได้ จึงได้พูดคุยกับเหล่าทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

            พร้อมย้ำว่า ต้องเปิดพร้อมกัน แต่ขอให้ปรับกำลังพร้อมกันก่อน ซึ่งเป็นข้อเสนอของประเทศไทย จากนั้นการประชุมระหว่าง นายกรัฐมนตรี กับเหล่าทัพจึงเกิดขึ้น และได้หารือกัน โดยหลังจากนั้นการดำเนินการก็เป็นไปตามปกติ พร้อมกันนี้ส่วนตัวอยากให้ข้อมูลอยู่บนข้อเท็จจริง เพราะนี่เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ และมีนานาชาติติดตามสถานการณ์นี้อยู่ โดยที่ไทยเป็นประเทศใหญ่กว่า ต้องระมัดระวังว่า เมื่อเป็นประเทศที่ใหญ่กว่าไปรุกรานใคร ดังนั้น จึงเป็นการยื่นข้อเสนอเหมือนเดิม ว่า ให้ปรับกำลัง โดยเฉพาะจุดที่เกิดปัญหาบริเวณช่องบก ที่มีการปรับกำลังไปแล้ว แต่ไทยก็ต้องการให้ปรับกำลังและและปลดอาวุธหนักทั้งหมด รวมถึงถอยกลับไปจุดเดิม

            พร้อมย้ำว่า การจะเปิดด่านต้องเปิดพร้อมกันทั้งสองประเทศ และในขณะนี้ปัญหาตามแนวชายแดนที่มีมาตรการ Seal Stop Safe แก้ปัญหาสแกมเมอร์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนปัญหาชายแดนไทย – กัมพูชา ก็มีทีมไทยแลนด์ดูแลอยู่ ที่ยืนยันว่าจะรักษาสันติภาพ และอย่าใช้ความรุนแรง ขณะเดียวกัน ขอให้เกิดการเจรจา RBC

 



ที่มา : Facebook : NBT Connext