สปสช. เพิ่ม “ยาฮอร์โมนบำบัด” 6 รายการ เป็นสิทธิประโยชน์บัตรทอง ดูแล LGBTQ+ ลดภาระค่าใช้จ่าย

สปสช. เพิ่ม “ยาฮอร์โมนบำบัด” 6 รายการ เป็นสิทธิประโยชน์บัตรทอง ดูแล LGBTQ+ ลดภาระค่าใช้จ่าย

          สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ขยายสิทธิประโยชน์บัตรทอง เพิ่มยาฮอร์โมนบำบัด 6 รายการ ให้กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) เพื่อหวังช่วยลดความสูญเสียจากการใช้ฮอร์โมนที่ผิด และลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับบุคคลข้ามเพศ


 

          วันที่ 29 มิ.ย. 2568 นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) เปิดเผยว่า จากปัญหาของบุคคลข้ามเพศ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ที่จำเป็นต้องได้รับฮอร์โมนเพื่อการยืนยันเพศสภาพ สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี และไม่รับอันตรายจากการใช้ฮอร์โมนผิดวิธี โดยมีหลายกรณีที่ผู้มีความหลากหลายทางเพศที่ต้องการข้ามเพศเป็นหญิง Feminising Hormone หรือการข้ามเพศเป็นชาย Masculinising Hormone ซื้อยาคุมกำเนิด ยาฮอร์โมนแบบฉีดและแบบทามาใช้เอง โดยกินตามเพื่อนหรือรุ่นพี่บอก จนนำมาสู่ความอันตรายถึงชีวิต

ทั้งนี้ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังการเทคฮอร์โมน ได้แก่

    1. ภาวะกระดูกพรุน หรือกระดูกบางลงเนื่องจากมวลกระดูกลดลง
    2. ระดับไขมันในกระแสเลือดผิดปกติหรือสูงขึ้น
    3. ความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน รวมถึงมะเร็งบางชนิด
    4. อารมณ์แปรปรวนซึมเศร้าหรือมีภาวะทางจิตใจผิดปกติ
    5. การเกิดลิ่มเลือดโรคหลอดเลือดดำอุดตัน โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในช่องปอด โรคหลอดเลือดในสมอง

          นายจิรพงษ์ กล่าวต่อไปว่า เพื่อลดความสูญเสียต่อชีวิตของบุคคลข้ามเพศ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้ขออนุมัติชุดสิทธิประโยชน์บริการด้านสุขภาพสำหรับกลุ่มคนข้ามเพศในระบบบัตรทองภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ และที่ประชุมบอร์ด สปสช. ได้เห็นชอบ โดยเพิ่มรายการยาฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องในแผนจัดหายา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ จำนวน 6 รายการในวงเงิน 145.62 ล้านบาท งบประมาณปี 2568 ได้แก่ยา

    1. leuprorelin injection
    2. 17 beta estradiol tablet
    3. estradiol transdermal
    4. testosterone enanthate injection
    5. cyproterone acetate tablet
    6. spironolacton tablet

          โดยหลักปฏิบัติทางการแพทย์แล้วการใช้ฮอร์โมนบำบัดควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการด้านฮอร์โมนบำบัด Hormone Therapy ซึ่งมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวก่อนเริ่มและเป็นข้อมูลจะช่วยให้มีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ได้เป็นอย่างดี

          “แพทย์จะเช็กประวัติและตรวจสุขภาพอย่างละเอียด ตรวจเช็กความพร้อมทางด้านจิตใจ พูดคุยถึงวิธีการและขั้นตอนก่อนเริ่มการเทคฮอร์โมน ชุดสิทธิประโยชน์นี้ นายสมศักดิ์ หวังว่าจะเป็นการลดความสูญเสียของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศจากการใช้ฮอร์โมนที่ผิด และยังช่วยลดภาระของบุคคลข้ามเพศถึงเดือนละ 1,000 – 2,000 บาท โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขสนับสนุน (สวรส.) ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมเพื่อพัฒนาสุขภาพบุคคลข้ามเพศและเพศหลากหลาย (Thai-PATH) อีกด้วย” นายจิรพงษ์ กล่าว

 


 

ที่มา : Website TheCoverage