นายกฯ สั่งด่วนจัดการสินค้าเกษตรเถื่อนชายแดน พร้อมสั่งดูแลราคาเกษตรที่ได้รับผลกระทบทุกมิติ
นายกรัฐมนตรี สั่งการปกป้องราคาสินค้าการเกษตรของไทย สั่งการด่วนให้ทุกหน่วยจัดการขบวนการลักลอบนำเข้าสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งการเกษตรและสินค้าอื่น ๆ ตามแนวชายแดน ให้จัดชุดลาดตะเวนตรวจโกดังเถื่อน พร้อมให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดโควตานำเข้าเพื่อประโยชน์ของเกษตรกรไทยเป็นหลัก ส่วนแรงงาน กัมพูชา สั่งกระทรวงมหาดไทยและแรงงาน ดำเนินการผ่อนปรน ระยะเวลาทำงานในไทยให้มากขึ้น
วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 นายกฯ สั่งการปกป้องราคาสินค้าการเกษตรของไทย สั่งการด่วนให้ทุกหน่วยจัดการขบวนการลักลอบนำเข้าสิ่งผิดกฎหมายทั้งการเกษตรและสินค้าอื่น ๆ ตามแนวชายแดน ให้จัดชุดลาดตะเวนตรวจโกดังเถื่อน พร้อมให้ ก.พาณิชย์กำหนดโควตานำเข้าเพื่อประโยชน์ของเกษตรกรไทยเป็นหลัก ส่วนแรงงาน กัมพูชา สั่ง มท. และ แรงงาน ดำเนินการผ่อนปรน ระยะเวลาทำงานในไทยให้มากขึ้น
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 25 วันนี้ นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการดังนี้
1.สำหรับมาตรการป้องกัน และปราบปรามการนำเข้าสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย จากการที่นายกรัฐมนตรีและคณะลงพื้นที่ตรวจราชการในหลายจังหวัด และได้รับรายงานจาก ก.การคลัง ก.พาณิชย์ และ ก.เกษตรฯ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องว่า มีปัญหาในการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร บริเวณชายแดน ทำให้ราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตรในประเทศไทยตกต่ำลง ซึ่งจะต้องการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จึงขอสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
– สั่งการให้กรมศุลกากร ก.การคลัง สั่งการกำชับด่านศุลกากรทุกแห่งทั่วประเทศให้ยกระดับมาตรฐานการควบคุม และดำเนินการป้องกัน และปราบปรามการนำเข้าสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการเชิงรุก รวมถึงกำชับเจ้าหน้าที่ทุกท่านให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดให้เป็นไปตามกฎหมาย ให้ลาดตระเวนในเขตพื้นที่รับผิดชอบดำเนินการปราบปรามโดยเฉพาะสถานที่ ที่อาจจะเป็นที่จัดเก็บสินค้าเกษตรเถื่อนหรือโกดังต่าง ๆ ที่มีการนำเข้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
– สั่งการให้กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปราม จัดตั้งกลไกในการแลกเปลี่ยนข้อมูล การนำเข้า การส่งออก และการนำผ่านแดน เพื่อแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด ระหว่างกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ก.เกษตรฯ และ ก.พาณิชย์ หน่วยงานราชการอื่น ๆ รวมทั้งสมาคมการเกษตร หรือกลุ่มผู้ผลิต และส่งออก พืชเกษตรต่าง ๆ เพื่อให้สามารถจัดการการป้องกันและปราบปรามสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
– สั่งการให้ ก.เกษตรฯ ประสานความร่วมมือในการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ในการกำหนดโควตาในการนำเข้าสินค้าเกษตร เพื่อป้องกันราคาสินค้าเกษตรในประเทศให้สัมฤทธิผล
– สั่งการให้ ก.เกษตรฯ เร่งพัฒนาวิจัยพันธุ์พืช หรือสินค้าทางการเกษตรให้มีคุณภาพปราศจากโรค หรือทำแผนในการจัดหาต้นกล้า เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ
2. นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการต่อไปว่า สำหรับมาตรการผ่อนผันแรงงานชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงสถานการณ์พิเศษ เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านแรงงานในพื้นที่ชายแดน มิให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระดับฐานราก ความมั่นคงของรัฐ และหลักมนุษยธรรม อันเนื่องมาจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเดินข้างเข้า-ออกของแรงงานสัญชาติกัมพูชาที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในลักษณะไป-กลับ หรือเป็นการจ้างงานตามฤดูกาล ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
– สั่งการให้ ก.แรงงาน เร่งรัดการจัดประชุมคณะกรรมการบริหารการจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เพื่อพิจารณาแนวทาง และมาตรการผ่อนผันการทำงานของแรงงานสัญชาติกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน ภายใต้อำนาจตามมาตรา 64 แห่ง พรก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถดำเนินมาตรการได้ โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ
– สั่งการให้ ก.มหาดไทย อาศัยอำนาจตามมาตรา 17แห่ง พ.ร.บ. คนเข้าเมืองฯ เร่งรัดการยกร่างประกาศ ก.มหาดไทย เพื่อรองรับการดำเนินมาตรการผ่อนผันดังกล่าว โดยพิจารณาถึงความเหมาะสม พร้อมทั้งให้มีความสอดคล้องกับหลักมนุษยธรรม และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยขอให้ทั้งสองหน่วยงานเร่งดำเนินการดังกล่าวเพื่อนำกลับมาเสนอต่อ ครม. โดยเร็ว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “การเร่งดำเนินการในการสนับสนุน ภาคธุรกิจ ภาคการท่องเที่ยว และ การกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย ในแผนการกระตุ้นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวจะทำให้ประเทศไทยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจได้สูงขึ้นในภูมิภาคอย่างแน่นอน”
ที่มา : Facebook : NBT Connext