กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เดินหน้าผลักดัน “กล้วยหอมเขียว” ส่งออกญี่ปุ่น

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เดินหน้าผลักดัน “กล้วยหอมเขียว” ส่งออกญี่ปุ่น

          กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เดินหน้าผลักดัน “กล้วยหอมเขียว” ส่งออกญี่ปุ่น ภายใต้แนวคิด “ตลาดนำการผลิต” กล้วยหอมเขียว หรือกล้วยคาเวนดิช เป็นพืชส่งออกศักยภาพสูงสู่ตลาดญี่ปุ่น ผ่านกรอบความตกลง JTEPA โดยเริ่มนำร่องในพื้นที่แปลงใหญ่เสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งพบว่าให้รายได้ต่อไร่สูงกว่ากล้วยหอมทองถึง 14% พร้อมแผนขยายผลต่อยอดสู่จังหวัดอื่น ๆ สร้างรายได้มั่นคงและยั่งยืนให้เกษตรกรไทย


 

 

          กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าผลักดัน “กล้วยหอมเขียว” ส่งออกญี่ปุ่น ดันรายได้เกษตรกรพุ่ง 14% ภายใต้แนวคิด “ตลาดนำการผลิต” กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าผลักดัน “กล้วยหอมเขียว” หรือกล้วยคาเวนดิช เป็นพืชส่งออกศักยภาพสูงสู่ตลาดญี่ปุ่น ผ่านกรอบความตกลง JTEPA โดยเริ่มนำร่องในพื้นที่แปลงใหญ่เสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งพบว่าให้รายได้ต่อไร่สูงกว่ากล้วยหอมทองถึง 14% พร้อมแผนขยายผลต่อยอดสู่จังหวัดอื่น ๆ สร้างรายได้มั่นคงและยั่งยืนให้เกษตรกรไทย


          หนึ่งในความสำเร็จที่ชัดเจน คือการรวมกลุ่มของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้ “กลุ่มแปลงใหญ่กล้วยหอมทองสุขไพบูลย์ จำกัด” ที่สามารถผลิตกล้วยหอมทองได้ตามมาตรฐาน GAP และ GMP ส่งออกได้จริงภายใต้กรอบ JTEPA ล่าสุดมีการลงนาม MOU กับบริษัทนำเข้าญี่ปุ่น เพื่อส่งออกกล้วยหอมทอง 5,000 ตัน มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งได้เริ่มส่งออกล็อตแรกแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 และเตรียมส่งออกต่อเนื่องในปี 2568


          จากความสำเร็จของกล้วยหอมทอง กระทรวงพาณิชย์จึงเล็งเห็นศักยภาพของ “กล้วยหอมเขียว” (คาเวนดิช) ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่น ทั้งความทนทานต่อโรค ความสามารถในการเก็บรักษา และผลผลิตเฉลี่ยสูงถึง 12.5 ตัน/ไร่ ขณะที่กล้วยหอมทองเฉลี่ยเพียง 6 ตัน/ไร่ แม้ราคาขายกล้วยหอมเขียวอยู่ที่ 10–12 บาท/กิโลกรัม (ต่ำกว่ากล้วยหอมทองที่ 18–22 บาท/กิโลกรัม) แต่เมื่อนำมาคำนวณรายได้กลับพบว่า กล้วยหอมเขียวสามารถสร้างรายได้รวมสูงกว่า


          ตัวอย่างชัดเจนในพื้นที่ 400 ไร่ที่กรมการค้าภายในให้การสนับสนุน พบว่าการปลูกกล้วยหอมเขียวสามารถสร้างรายได้รวมถึง 50–60 ล้านบาท เทียบกับกล้วยหอมทองที่มีรายได้ประมาณ 43.2–52.8 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4–14% หรือเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นไร่ละ 5,000–18,000 บาท


          เพื่อขับเคลื่อนนโยบายนี้ให้เป็นรูปธรรม กรมการค้าภายใน ได้วางแผนสนับสนุนเกษตรกรอย่างครบวงจร ตั้งแต่การลงพื้นที่ให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต การดูแลหลังการเก็บเกี่ยว การคัดคุณภาพผลผลิต ตลอดจนเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตลาดญี่ปุ่น พร้อมสนับสนุนพันธุ์กล้วยหอมเขียวต้นแบบกว่า 128,000 ต้น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 400 ไร่ และมีแผนลงนาม MOU กับภาคเอกชนเพื่อเชื่อมโยงการตลาดส่งออกโดยตรง


         การใช้สิทธิประโยชน์จากกรอบความตกลง JTEPA ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้กล้วยหอมไทยสามารถเจาะตลาดญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า และจากแนวโน้มความต้องการของผู้นำเข้าญี่ปุ่นที่ยังคงมั่นใจในคุณภาพกล้วยหอมไทย กระทรวงพาณิชย์จึงวางแผนขยายโมเดลแปลงใหญ่กล้วยหอมเขียวจากเสิงสางสู่จังหวัดอื่น ๆ โดยใช้กลไก “ตลาดนำการผลิต” เป็นเครื่องมือหลัก เชื่อมโยงตลาดต่างประเทศก่อนวางแผนการผลิต


          แม้ปัจจุบันกล้วยหอมทองยังคงเป็นพืชส่งออกหลักในจังหวัดนครราชสีมา ด้วยพื้นที่ปลูกกว่า 1,175 ไร่ ผลผลิต 12,818 ตัน (ปี 2567) แต่กล้วยหอมเขียวกำลังกลายเป็น “สินค้าดาวรุ่ง” ที่มีศักยภาพส่งออกไม่แพ้กัน และเมื่อขับเคลื่อนควบคู่กันด้วยระบบแปลงใหญ่ การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากรัฐ ก็จะสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้เกษตรกรไทยได้ในระยะยาว


          กระทรวงพาณิชย์พร้อมเป็นกลไกหลักในการพาเกษตรกรไทยก้าวสู่เวทีโลก ด้วยการเชื่อมโยงตลาด สร้างความได้เปรียบทางการค้า และต่อยอดผลผลิตคุณภาพสูงไปยังประเทศคู่ค้า สร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน


 

ที่มา : Facebook กระทรวงพาณิชย์