การขึ้นทะเบียนสวนป่า ไม้สักและไม้ยางนา
สวนป่า หมายถึง ที่ดินที่ได้ขึ้นทะเบียนตามมาตรา 5 เพื่อทำการปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้ที่เป็นไม้หวงห้ามตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้
เกษตรกรควรปลูกไม้หวงห้าม จนทราบอัตราการรอดตายของต้นกล้าที่แน่นอน ประมาณ 1-2 ปี ก่อนแล้วจึงมาแจ้งขอขึ้นทะเบียนสวนป่า กรณีที่ไม่ขอขึ้นทะเบียนสวนป่าแล้ว เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้ตัดไม้สักและไม้ยางนา
เอกสารและหลักฐานประกอบการขอขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า (สป.1)
- แบบคำขอขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า (สป.1)
- หลักฐานของผู้ยื่นคำขอ แนบคำขอ
- กรณีเป็นบุคคลธรรมดา
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ข้าราชาการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- กรณีเป็นนิติบุคคลที่ไม่ใช่ทบวงการเมือง หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
- สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนไว้
- สำเนาบัตรประจำตัว และทะเบียนบ้านของกรรมการผู้จัดการหรือผู้จัดการซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบแทนนิติบุคคลนั้น
- หลักฐานเกี่ยวกับที่ดินที่ขอขึ้นทะเบียน
- สำเนาหลักฐานที่ดิน
- หลักฐานการเช่าหรือเช่าซื้อที่ดิน
- แผนที่สังเขป
- กรณีเป็นบุคคลธรรมดา
ที่ดินที่จะขอขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่าตามพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ.2535
ต้องเป็นที่ดินประเภทหนึ่งประเภทใด ดังต่อไปนี้
- ที่ดินที่มีโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน
- ที่ดินที่มีหนังสือของทางราชการรับรองว่า ที่ดินดังกล่าวอยู่ในระยะเวลาที่อาจขอรับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดินได้ เนื่องจากได้มีการครองครองและเข้าทำกินในที่ดินดังกล่าวตามกฎหมายว่าด้วยการจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพไว้แล้ว
- ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่มีหลักฐานการอนุญาต การเช่าหรือเช่าซื้อ
- ที่ดินที่มีหนังสืออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติให้บุคคลเข้าทำการปลูกป่าในเขตปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติ หรือเข้าทำการปลูกสร้างสวนป่า หรือไม้ยืนต้นในเขตป่าเสื่อมโทรม
- ที่ดินที่ได้ดำเนินการเพื่อการปลูกป่าอยู่แล้วโดยทบวงการเมือง รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
- ยกเว้น ที่ดิน ภบท.5 เท่านั้นที่ไม่สามารถขึ้นทะเบียนสวนป่าได้
ขั้นตอนการยื่นคำขอขึ้นทะเบียนสวนป่า
ขั้นตอนที่ 1 แจ้งขึ้นทะเบียน
- กรอกแบบฟอร์มเอกสาร สป. 1 ขอขึ้นทะเบียนสวนป่า
- เจ้าหน้าที่ทำเรื่องเสนอนายทะเบียนและสั่งตรวจสอบพื้นที่
- ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่จะทำเรื่องส่งนายทะเบียน
- นายทะเบียนออกใบอนุญาตหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า (สป.3)ให้เป็นหลักฐาน
ขั้นตอนที่ 2 การแจ้งจดทะเบียนตรา
หลักเกณฑ์การขอขึ้นทะเบียนตรา
- จะขอขึ้นทะเบียนตราหลังจากขึ้นทะเบียนสวนป่าเลยก็ได้ หรือรอให้ไม้โตก่อนจึงแจ้งขึ้นทะเบียนตรา
- แต่ในทางปฏิบัติ ควรแจ้งขึ้นทะเบียนตราทันทีหลังจากขึ้นทะเบียนสวนป่า เพื่อสะดวกต่อการยื่นตัด
- เมื่อไปยืนคำขอเจ้าหน้าที่จะจัดทำค้อนตราให้ โดยระบุเลขรหัสค้อนตรา เป็นเลข 1-10 และตามด้วยชื่อย่อของจังหวัดที่ขอขึ้นทะเบียนตรา
- ซึ่งค้อนตรานี้จัดทำขึ้นเพื่อนำไปประทับตราบนไม้ที่ทำออกจากสวนป่า เพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่า ไม้นั้นเป็นไม้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และทำไม้ออกจากสวนป่าใด
ค่าธรรมเนียมการจัดทำค้อนตรา :
- 5,000 – 7,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของค้อน
เมื่อทำตราเสร็จแล้ว จะต้องดำเนินการ ดังนี้
- ยื่นขอขึ้นทะเบียนตรา(ตามแบบ สป.7) โดยใช้หลักฐานประกอบ ดังนี้
- กรณีเป็นบุคคลธรรมดา
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ข้าราชาการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า (สป.3)
- “ตรา” ที่ผู้ทำสวนป่าจัดทำขึ้น
- กรณีเป็นนิติบุคคลที่ไม่ใช่ทบวงการเมือง หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
- สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนไว้สำเนาบัตรประจำตัว และทะเบียนบ้านของกรรมการผู้จัดการหรือ ผู้จัดการซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบแทนนิติบุคคลนั้น
- สำเนาหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า (สป.3)
- “ตรา” ที่ผู้ทำสวนป่าจัดทำขึ้น
- กรณีเป็นบุคคลธรรมดา
- เจ้าหน้าที่ออกหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนตรา(สป.8) และหนังสือรับรองตรา (สป. 9) ให้เป็นหลักฐาน เกษตรกร รอให้ต้นไม้เจริญเติบโต พร้อมตัด
- ยื่นขอขึ้นทะเบียนตรา(ตามแบบ สป.7) โดยใช้หลักฐานประกอบ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 3 แจ้งตัด
- กรอกแบบฟอร์มสป. 12 (ยื่นต่อเจ้าหน้าที่แล้วดำเนินการตัดได้เลยแต่ ยังเคลื่อนย้ายไม้ไม่ได้)
- เมื่อเกษตรกรตัดไม้แล้วเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบจำนวนไม้ว่าตรงกับที่แจ้งไว้หรือไม่ เมื่อตรวจสอบถูกต้องแล้วจึงออกเอกสาร หนังสือรับรองการแจ้งตัด(สป. 13)
ขั้นตอนที่ 4 นำไม้เคลื่อนที่
- กรอกรายละเอียด ในหนังสือแสดงบัญชีรายการไม้ที่ได้มาจากการทำสวนป่า(สป. 15) เพื่อขอนำไม้เคลื่อนที่
- สป.15 จะมี 3 ส่วน
- ส่วนแรกให้เจ้าของที่ดินเก็บไว้
- ส่วนที่ 2 ให้ไว้กับผู้ซื้อ
- สวนที่ 3 นำส่งเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หมายเหตุ การเคลื่อนย้ายไม้ควรระบุ สถานที่แน่นอนไม่ควรเคลื่อนย้ายหลายที่ สป.15 ใช้แทนใบเบิกทางการเคลื่อนย้ายไม้ได้ โดยไม่ต้องไปขอใบเบิกทางเพิ่มเติมอีก เนื่องจากเป็นการทำไม้ออกจากสวนป่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ระยะเวลาในการเก็บรักษาหนังสือรับรองการแจ้งตัดหรือโค่นไม้
- หนังสือรับรองการแจ้งตัดหรือโค่นไม้ จะต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลา ไม่น้อยกว่า 2 ปี นับแต่วันที่นำไม้เคลื่อนที่ออกจากสวนป่าเสร็จสิ้นแล้ว
การขอหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า (สป.3) กรณีสูญหายหรือชำรุด
แจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ที่หนังสือรับรองนั้นสูญหาย
- จัดเตรียมเอกสาร
- ยื่นแบบคำขอตามแบบ สป.5
- อำเภอท้องที่รับคำขอตามแบบ สป.5 พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบคำขอ
สาเหตุแห่งการยกเลิกตรา กระทำได้
- ผู้ทำสวนป่าประสงค์จะยกเลิกตรา
- ตราของผู้ทำสวนป่าบุบสลายในสาระสำคัญ
- ตราของผู้ทำสวนป่าสูญหาย
- ผู้ทำสวนป่าไม่ประสงค์จะทำสวนป่าต่อไป
การแจ้งการยกเลิกตรา
- ต้องแจ้งภายใน30 วันนับตั้งแต่วันที่ทราบการบุบสลายหรือสูญหาย
การยกเลิกดวงตรา (ยกเว้นกรณีสูญหาย)
- ต้องนำดวงตราไปทำลายต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่พร้อมกับการแจ้งด้วย
สาเหตุแห่งการทำลายตรา จะกระทำได้
- ผู้ทำสวนป่าประสงค์จะยกเลิกตรา
- ตราของผู้ทำสวนป่าบุบสลายในสาระสำคัญ
- ผู้ทำสวนป่าไม่ประสงค์จะทำสวนป่าต่อไป
ระยะเวลาในการเก็บรักษาหนังสือรับรองการแจ้งตัดหรือโค่นไม้
- หนังสือรับรองการแจ้งตัดหรือโค่นไม้ จะต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลา ไม่น้อยกว่า 2 ปี นับแต่วันที่นำไม้เคลื่อนที่ออกจากสวนป่าเสร็จสิ้นแล้ว
กรณีหนังสือรับรองการแจ้งตัดหรือโค่นไม้ สูญหายหรือชำรุด
มีขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้
- ให้พนักงานตรวจสอบกับต้นขั้วหนังสือรับรองการแจ้งว่าเป็นจริงตามที่ผู้ขอกล่าวอ้าง
- ให้ใช้แบบ สป.13 แต่ให้เขียนคำว่า “ใบแทน” ด้วยหมึกแดงที่ด้านหน้าพร้อมหมายเหตุว่า “แทนหนังสือรับรองการแจ้ง เล่มที่ ฉบับที่ วันที่ เดือน ปี”
การทำไม้ออก มีระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิต
- ประมาณเวลาไม่น้อยกว่า 15-20 ปีขึ้นไป
สถานที่ติดต่อ
- กรุงเทพมหานคร ให้ยื่นต่อผู้อำนวยการสวนปลูกป่าภาคเอกชน สำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ส่วนปลูกป่าภาคเอกชน
- จังหวัดอื่นๆ ให้ยื่นที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประจำจังหวัด
- เวลาทำการ วันจันทร์- วันศุกร์ เวลา 30 – 16.30 น.
Post Views: 30