สำนักงานประกันสังคม เตือน ผู้ประกันตน ม.33 ถูกเลิกจ้าง อย่าลืมขึ้นทะเบียนภายใน 30 วัน

สำนักงานประกันสังคม เตือน ผู้ประกันตน ม.33 ถูกเลิกจ้าง อย่าลืมขึ้นทะเบียนภายใน 30 วัน

       สำนักงานประกันสังคม ชี้แจงสิทธิผู้ประกันตนมาตรา 33 กรณีว่างงานหรือถูกเลิกจ้าง ปรับเพิ่มอัตราประโยชน์ทดแทนเป็นร้อยละ 60 ของค่าจ้าง (ฐานสูงสุด 15,000 บาท) ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2568 โดยผู้ถูกเลิกจ้างที่ส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนว่างงาน จะได้รับชดเชยสูงสุดเดือนละ 9,000 บาท นาน 180 วัน รวมไม่เกิน 54,000 บาท ส่วนกรณีลาออกเองได้รับร้อยละ 30 ของค่าจ้าง ไม่เกิน 90 วัน ทั้งนี้ ต้องขึ้นทะเบียนว่างงานภายใน 30 วัน และรายงานตัวเดือนละครั้ง โดยไม่สามารถขอสิทธิย้อนหลังได้ พร้อมยืนยันดูแลผู้ประกันตนทั้งชาวไทยและต่างชาติอย่างเท่าเทียม

       ผู้ประกันตนมาตรา 33 ออกจากงานหรือตกงานเพราะถูกเลิกจ้าง เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจหรือเป็นฝันร้ายของมนุษย์เงินเดือนเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ทำให้หลายคนต้องอยู่ในสถานะสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างหรือพนักงานในสถานประกอบการอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่วันนั้นจะมาถึงจึงต้องศึกษาและทำความเข้าใจ ในหลักประกันขั้นพื้นฐานในฐานะที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมานานหลายปี เมื่อมีเหตุให้ต้องตกงานจะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ซึ่งปัจจุบันลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 จะถูกเก็บเงินสมทบ 5 % ของเงินเดือนทุกเดือนเข้ากองทุนประกันสังคม โดยคำนวณจากฐานเงินค่าจ้างขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และฐานเงินค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท ขณะที่นายจ้างจะจ่ายสมทบให้ด้วย 5 % และรัฐบาลจ่ายสมทบอีก 2.75 % เงินส่วนนี้จะถูกแบ่งตามอัตราส่วนที่แตกต่างกันเพื่อไปดูแล กรณีเจ็บป่วย 0.88 % กรณีคลอดบุตร 0.12 % กรณีทุพพลภาพ 0.44 % กรณีสงเคราะห์บุตรและกรณีชราภาพ 3.00 % กรณีว่างงาน 0.50% และกรณีเสียชีวิต 0.08% จะเห็นได้ว่า ผู้ประกันตนมาตรา 33 ได้รับสิทธิประโยชน์หลายอย่าง เมื่อเราจ่ายเงินไปแล้วทุกเดือนก็ควรรักษาสิทธิประโยชน์ที่ควรได้

       นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงสิทธิประโยชน์ในกรณีว่างงานหรือถูกเลิกจ้าง ผู้ประกันตนจำเป็นต้องมีเงินชดเชยมาใช้จ่ายในขณะว่างงาน หากผู้ประกันตนไม่รู้ถึงสิทธิประโยชน์แล้วปล่อยผ่านไปโดยไม่ได้ใช้สิทธิจะน่าเสียดายมาก ในกรณีที่ถูกเลิกจ้างโดยที่ไม่ได้มีความผิดอะไร แต่บริษัทอาจจะมีความจำเป็นต้องปรับลดพนักงาน ผู้ประกันตนจะได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน มากกว่าในกรณีที่ลาออกเอง โดยก่อนหน้านี้กรณีว่างงานจากการถูกเลิกจ้างจะได้รับประโยชน์ทดแทนร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 180 วันใน 1 ปีปฏิทิน ส่วนกรณีว่างงานจากการลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างตามกำหนดระยะเวลาจะได้รับประโยชน์ทดแทนว่างงานร้อยละ 30 ของค่าจ้างครั้งละไม่เกิน 90 วันใน 1 ปีปฏิทิน และตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2568 เป็นต้นมา ประกันสังคมได้ปรับเพิ่มประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน (สำหรับกรณีเลิกจ้าง) จากเดิมที่จ่ายร้อยละ 50 เพิ่มเป็นร้อยละ 60 โดยคำนวณจากฐานค่าจ้างจริงสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท

       ผู้ประกันตนมาตรา 33 ซึ่งรวมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องและมีการจ่ายเงินสมทบในส่วนของกรณีว่างงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงานและถูกเลิกจ้าง เมื่อถูกเลิกจ้างจะได้รับประโยชน์ทดแทนได้สูงสุดไม่เกินเดือนละ 9,000 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยได้สูงสุดเดือนละ 7,500 บาท ในระยะ180 วัน (6 เดือน) จะได้รับประโยชน์ทดแทนสูงสุด 54,000 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยได้รับสูงสุด 45,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้จะสามารถช่วยผ่อนหนักเป็นเบาในช่วงที่ว่างงาน หรือรองานใหม่ ทำให้การใช้ชีวิตในช่วงนี้มีความคล่องตัวขึ้น

       นางมารศรี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึง ขั้นตอนการขอใช้สิทธิประโยชน์ว่างงาน เพื่อรับเงินชดเชยจากประกันสังคม ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 สามารถลงทะเบียนว่างงานผ่านเว็บไซต์ https://e-service.doe.go.th ภายใน 30 วัน นับจากวันที่สิ้นสุดการจ้างงาน โดยกรอกข้อมูลส่วนตัว และกรอกแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม กรณีว่างงาน (สปส.2-01/7 ) พร้อมแนบไฟล์สำเนาบัญชีธนาคาร และจะต้องรายงานตัว ตามนัดหมายเดือนละ 1 ครั้ง จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนตั้งแต่วันที่ 8 ของการว่างงานไปจนครบสิทธิที่ควรได้รับ หรือยื่นแบบฟอร์มที่สำนักงานจัดหางานทุกพื้นที่ (กรุงเทพมหานคร : สำนักงานจัดหางานพื้นที่ / ต่างจังหวัด : สำนักงานจัดหางานจังหวัด) 

       ทั้งนี้ ประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานไม่สามารถขอย้อนหลังได้ ต้องยื่นขึ้นทะเบียนภายใน 30 วันหลังลาออกหรือถูกเลิกจ้างเท่านั้น สำนักงานประกันสังคมพร้อมให้การดูแลผู้ประกันตนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติหรือคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายและส่งเงินสมทบตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้จะได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมเพื่อสร้างความอุ่นใจให้ผู้ประกันตนคลายวิตกกังวลลงได้บ้างในวันที่ต้องว่างงาน

ที่มา :