กองทัพภาคที่ 2 รายงานสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา วันที่ 4 ก.ย. 68 ถึงเวลา 14.00 น.

กองทัพภาคที่ 2 รายงานสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา วันที่ 4 ก.ย. 68 ถึงเวลา 14.00 น.

          ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอแถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่ 4 กันยายน 2568 เวลา 14.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้

 

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 4 กันยายน 2568 (ณ เวลา 14.00 น.)


สถานการณ์โดยรวม

          ตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา ตรวจพบโดรน 7 ลำในฝั่งกัมพูชา ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์

การดูแลผู้อพยพ

          สนับสนุนส่วนราชการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน อำนวยความสะดวกประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัย ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ 4 ศูนย์ ปัจจุบันมียอดรวม 417 คน เนื่องจากมีความวิตกกังวล และยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ในพื้นที่ ทั้งนี้ทางฝ่ายปกครองได้จัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เข้าดูแลพื้นที่ บ้านเรือนของพี่น้องประชาชนที่อพยพอย่างต่อเนื่อง

คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เข้าเยี่ยมเชลยศึกกัมพูชา ตามขั้นตอนสากล ยืนยัน ยึดหลักมนุษย์ธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด 

          กองทัพบกร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ อำนวยความสะดวกคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (lnternational Committee of the Red Cross: ICRC) ประจำกรุงเทพฯ เข้าเยี่ยมเชลยศึกกัมพูชา จำนวน 18 นาย ณ สถานที่ควบคุมตัวในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 โดย ICRC ถือเป็นหน่วยงานด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศที่ดูแลเรื่องเกี่ยวกับเชลยศึกโดยตรง ปฏิบัติงานตามหลักสากลด้วยความมีมาตรฐาน เป็นกลาง และเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ


          การเข้าเยี่ยมในครั้งนี้เป็นไปตามขั้นตอนปกติของหน่วยงาน ICRC มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบสภาพความเป็นอยู่ของเชลยศึก และเป็นช่องทางในการติดต่อกับครอบครัว อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความเคารพและยึดมั่นของประเทศไทยในการปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพันธกรณีตามอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 ที่ประเทศไทยเป็นภาคี ตลอดจนเน้นย้ำถึงความโปร่งใสในการดำเนินงาน การดูแลเชลยศึกด้วยศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ตามมาตรฐานและแนวปฏิบัติสากลที่เกี่ยวข้อง


          ในโอกาสนี้ กองทัพบกได้เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ ICRC เข้าพบและพูดคุยกับเชลยศึกอย่างอิสระโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา พร้อมทั้งจัดให้มีการตรวจสุขภาพ และได้บรรยายสรุปให้แก่คณะ ICRC เกี่ยวกับลำดับเหตุการณ์ที่นำไปสู่การควบคุมตัว กำลังพลฝ่ายกัมพูชาในฐานะเชลยศึก ตลอดจนมาตรการด้านการดูแลการรักษาพยาบาล


          สำหรับเชลยศึกกัมพูชาทั้ง 18 นาย กองทัพบกยืนยันว่าทุกนายมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ โดยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ทั้งในด้านอาหารครบ 3 มื้อ สถานที่พักที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ ตลอดจนการดูแลจากแพทย์ประจำพื้นที่อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้กองทัพบกได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ ICRC อย่างเคร่งครัดโดยที่ไม่อนุญาตให้ทางคณะผู้แทนของฝ่ายไทยและสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์ ในระหว่างพบปะพูดคุยกับเชลยศึก อันแสดงถึงความโปร่งใสและความร่วมมือระหว่างฝ่ายไทยกับองค์กรมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน

การดำเนินงานด้านจิตอาสา

         ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.25, กกร.มทบ.25 พร้อมด้วยจิตอาสา 904, จิตอาสาพระราชทาน พบปะพูดคุยให้กำลังใจ สอบถามถึงปัญหาข้อขัดข้องของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ฯ พร้อมมอบถุงยังชีพให้ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และ อสม. ในพื้นที่ ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชน ณ บ้านภูมิคดี ต.ดม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ และสำรวจพื้นที่ เพื่อประเมินความเสียหาย ของโรงเรียนบ้านโคกกรม ต.จีกแดก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพื่อจะดำเนินการ สนับสนุนชุดช่าง ซ่อมแซมอาคารเรียน ให้สามารถเปิดทำการเรียนการสอนต่อไปได้


          ศอ.จอส.พระราชทาน จ.สุรินทร์ หน่วยงานราชการ และจิตอาสาพระราชทาน พบปะให้กำลังใจบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนโรงเรียนบ้านคลอง โดยมี น.ส.เมทินี แป้นเงิน รอง ผอ.รร.บ้านคลอง ให้การต้อนรับ และเป็นผู้แทน รับมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อสนับสนุนโครงการอาหารกลางวัน จากกลุ่ม ศิษย์เก่า คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งในช่วงที่เกิดสถานการณ์ฯ โรงเรียนบ้านคลอง ได้ถูกจัดตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว ให้กับประชาชนจาก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ที่ได้รับผลกระทบฯ

          กองทัพภาคที่ 2 ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนขอให้รับข้อมูลข่าวสารด้วยวิจารณญาณ และติดตามเฉพาะช่องทางอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งสามารถตรวจสอบและยืนยันข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อมูลที่ไม่เป็น ความจริง
————————————


Press Release
2nd Army Area Operations Center
Situation Report along the Thai–Cambodian Border
4 September 2025, 14.00 hrs

Overall Situation

    • Movements of Cambodian troops observed, including 7 drones detected on the Cambodian side.
    • Both forces remain deployed in their respective positions.
    • Thai troops maintain observation posts and stand ready to respond as necessary.

Support for Evacuees

    • Civilian evacuation supported to 4 shelters in Surin Province.
    • Current total: 417 persons, mostly due to concerns and uncertainty over the situation.
    • Local authorities have deployed Village Security Units to safeguard evacuated communities and households.

ICRC Visit to Prisoners of War

    • The International Committee of the Red Cross (ICRC), Bangkok delegation, visited 18 Cambodian prisoners of war held under the responsibility of the 2nd Army Area.
    • All POWs are in good health, receiving adequate food, safe and hygienic accommodation, and regular medical care.
    • ICRC staff spoke freely with the POWs, conducted health checks, and were briefed on the sequence of events leading to their detention.
    • The Thai Army reaffirmed its commitment to transparency, humanitarian principles, and obligations under the 1949 Geneva Conventions, of which Thailand is a State Party.

Volunteer Activities

    • The Royal Volunteer Center (Jor Sor. 904) and local units in Surin Province provided relief packages to the elderly, bedridden patients, and village health volunteers.
    • Survey conducted at Ban Khok Krom School to assess damage and prepare engineering support for building repairs.
    • At Ban Khlong School, which has served as a temporary shelter for evacuees, volunteers and alumni groups donated food supplies to support the school lunch program.

Public Advisory
         The 2nd Army Area urges the public to follow updates only from official and security agencies to ensure accurate information and avoid misunderstandings caused by false reports.