ปภ. รายงานยังมีสถานการณ์น้ำท่วม 9 จังหวัด เร่งให้การช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัย
ปภ. รายงานปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ร้อยเอ็ด เลย และหนองบัวลำภู รวม 25 อำเภอ 89 ตำบล 356 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 15,456 ครัวเรือน 49,639 คน เร่งให้การช่วยเหลือ เยียวยาผู้ประสบภัย และฟื้นฟูพื้นที่ให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว
วันนี้ (4 ก.ย. 68) เวลา 09.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประชุม Situation Awareness Team (SAT) เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” และ “หนองฟ้า” เร่งให้การช่วยเหลือ เยียวยาผู้ประสบภัย และฟื้นฟูพื้นที่ให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว รวมถึงประสานพื้นที่ติดตามสภาพอากาศและปริมาณน้ำอย่างต่อเนื่อง หากประเมินแล้วมีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำล้นตลิ่ง ให้รีบประสาน ปภ. ทำการแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast ไปยังประชาชน เพื่ออพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างทันท่วงที โดยมีผู้แทนหน่วยงานด้านการพยากรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เสี่ยงภัยเข้าร่วมประชุม ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” และพายุ “หนองฟ้า” ทำให้หลายพื้นที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม ถึงแม้ว่าพายุจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่หน่วยงานทุกภาคส่วนยังคงเร่งให้การช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์ ทั้งด้านการดำรงชีพ จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว จัดหน่วยแพทย์ดูแลสุขภาพกายและจิตใจ รวมถึงการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ตามข้อสั่งการของผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติอย่างเคร่งครัด ซึ่งปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 4 ก.ย. 68 เวลา 06.00 น.) ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ร้อยเอ็ด เลย และหนองบัวลำภู รวม 25 อำเภอ 89 ตำบล 356 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 15,456 ครัวเรือน 49,639 คน สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจ ซ่อมแซม และฟื้นฟูด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทั้งระบบไฟฟ้า ประปา ระบบการสื่อสาร เส้นทางคมนาคม เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว
นอกจากนี้ จากการติดตามสถานการณ์ฝนตกหนักจากอิทธิพลของร่องมรสุมที่ในระยะนี้จะมีกำลังแรงขึ้น ที่อาจส่งผลกระทบให้ปริมาณน้ำสะสมเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่เคยเกิดสถานการณ์ฝนตกหนักถึงหนักมากในห้วงที่ผ่านมา รวมถึงจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท้ายน้ำ และจังหวัดที่อาจได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำจากเขื่อนต่าง ๆ จึงมีจำเป็นที่จะต้องมีการติดตามสภาพอากาศ ปริมาณน้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยใช้กลไกมหาดไทยทุกระดับ ตั้งแต่จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ในการแจ้งเตือนประชาชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ตลอดจนเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า ตั้งแต่การแจ้งเตือน จัดชุดปฏิบัติการ ศูนย์พักพิงชั่วคราว เครื่องจักรกลสาธารณภัย และเครื่องมืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้พร้อมออกปฏิบัติการได้ทันทีหากเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น นอกจากนี้ หากหน่วยงานในพื้นที่เสี่ยงประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนและเขตเศรษฐกิจ ให้รีบประสานมายัง ปภ. ทำการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast ไปยังประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เพื่ออพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยประชาชนสามารถติดตามข่าวสารสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารภัย DDPM และ X @DDPMNews และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784”