ปภ. ติดตามอุทกภัยใกล้ชิด ประสานการทำงานกับจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ติดตามอุทกภัยใกล้ชิด ประสานงานจังหวัดต่อเนื่อง ส่งทีม ปภ. และเครื่องจักรกลฯ เสริมกำลังพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา

วันนี้ (4 ต.ค. 68) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ติดตามสถานการณ์อุทกภัยและความคืบหน้าการช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด ประสานการทำงานกับจังหวัดอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งทีมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยลงพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ด้านจังหวัดภาคกลางและกรุงเทพมหานครเตรียมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า วันนี้จนถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2568 10 จังหวัดภาคกลาง ประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ให้เฝ้าระวังและเตรียมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่ง ปภ. ได้ติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด และได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสถานการณ์ขยายวงกว้างและขอรับการสนับสนุนทรัพยากรเพิ่มเติม โดยเมื่อวานนี้ (3 ตุลาคม 2568) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าปฏิบัติงานเพิ่มเติมในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี และ จ.ปทุมธานี ซึ่งได้รับผลกระทบจากเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มขึ้น สำหรับ จ.สิงห์บุรี ปภ. ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 16 ชัยนาท ส่งรถบรรเทาอุทกภัยพร้อมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 1 ชุด เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล 3 กิโลเมตร จำนวน 1 ชุด เพื่อช่วยเหลือในพื้นที่ อ.เมืองฯ จ.สิงห์บุรี สูบระบายน้ำจากชุมชนบางแคในลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงส่งรถผลิตน้ำดื่ม จำนวน 1 คัน พร้อมขวดน้ำดื่ม จำนวน 5,000 ขวด เพื่อผลิตน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ในส่วนของจ.ปทุมธานี ได้ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1 ปทุมธานี นำเครื่องสูบน้ำขับด้วยเครื่องยนต์ดีเซล อัตราการสูบ 28,000 ลิตร/นาที จำนวน 1 เครื่อง และวัสดุอุปกรณ์อื่นที่จำเป็น เพื่อสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 ต.เชียงรากใหญ่ จ.ปทุมธานี
นอกจากนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยยังเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะเพิ่มสูงขึ้นไปจนถึงวันที่ 9 ต.ค. 68 เนื่องจากกรมชลประทานปรับอัตราการระบายน้ำจากเดิม 2,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เป็นไม่เกิน 2,700 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น 0.1 – 0.4 เมตร ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ พร้อมย้ำเรื่องการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเชิงป้องกันที่ให้วางแผนการนำเครื่องจักรกลสาธารณภัยไปประจำยังพื้นที่เสี่ยงภัยล่วงหน้า และการสนับสนุนเครื่องจักรฯ ลงไปเพิ่มเติมหากสถานการณ์มีแนวโน้มจะรุนแรง เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วที่สุด
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 4 ต.ค. 68 เวลา 06.00 น.) ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 17 จังหวัด ได้แก่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม ชัยภูมิ ฉะเชิงเทรา และสตูล) มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 100,235 ครัวเรือน 341,356 คน และมีผู้เสียชีวิต 12 ราย