กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สั่งดำเนินคดีเด็ดขาด เจ้าของสิงโตหลุดทำร้ายเด็ก
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สั่งดำเนินคดีเด็ดขาด เจ้าของสิงโตหลุดทำร้ายเด็ก พร้อมยึดและเรียกเก็บค่าเลี้ยงดูตลอดชีวิต หลังเกิดเหตุ สิงโตหลุดจากบ้าน ใน อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ไปทำร้ายเด็กชายจนบาดเจ็บ โดยเด็กถูกนำส่ง รพ.ค่ายสุรสีห์ลาดหญ้าแล้ว พร้อมสั่ง ยึดสิงโต ไปดูแลในสถานที่ที่เหมาะสม คือ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี เจ้าของสิงโต (นายปริญญา) ถูกแจ้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 มาตรา 15 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ เน้นเตือนผู้เลี้ยงสัตว์ดุร้าย ให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อสาธารณะ
“รมว.ทส.สุชาติ” สั่งดำเนินคดีเด็ดขาด เจ้าของสิงโตหลุดทำร้ายเด็ก พร้อมยึดและเรียกเก็บค่าเลี้ยงดูตลอดชีวิต
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 เวลา 20.45 น. เกิดเหตุสิงโตที่เลี้ยงไว้ในบ้านหลุดออกไปทำร้ายเด็กชายจนได้รับบาดเจ็บ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณบ้านรางขาม ตำบลหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี โดยบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ข้างทางสาธารณะของหมู่บ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวเด็กชายส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลค่ายสุรสีห์ลาดหญ้าแล้ว
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้รับทราบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว และได้สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ดำเนินคดีกับเจ้าของสิงโตรายนี้อย่างเด็ดขาดโดยไม่ละเว้น พร้อมสั่งยึดสิงโตเพื่อนำไปดูแลในสถานที่ที่เหมาะสม โดยขณะสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี ได้มีการเตรียมสถานที่เพื่อรองรับสิงโตตัวดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นตัวอย่างและบทเรียนให้แก่ผู้ที่ต้องการจะเลี้ยงสัตว์ป่าคุ้มครอง ให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความปลอดภัยของผู้อื่น
เบื้องต้น นายปริญญา (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นเจ้าของสิงโตตัวดังกล่าว ได้ถูกแจ้งข้อหาเนื่องจากมีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 15 ที่ระบุว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดปล่อยสัตว์ป่าคุ้มครองจากการดูแลของตนให้เป็นอิสระ หรือหลุดพ้นจากการดูแลของตน” ซึ่งผู้กระทำผิดจะต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขอยืนยันว่า จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่ฝ่าฝืน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก และขอเตือนไปยังผู้ที่เลี้ยงสัตว์ดุร้ายขอให้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากสัตว์ทุกตัวมีสัญชาตญาณของความดุร้าย หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นจะถูกลงโทษและดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ที่มา : Facebook : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช