สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ปรับเพิ่มการระบายน้ำ “เขื่อนสิริกิติ์-เขื่อนภูมิพล”

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ปรับเพิ่มการระบายน้ำ “เขื่อนสิริกิติ์-เขื่อนภูมิพล”

         ที่ประชุมจึงมีการพิจารณาปรับเพิ่มการระบายน้ำที่เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนภูมิพล เพิ่มเติม โดยการปรับเพิ่มระบายน้ำทั้งสองเขื่อนอยู่ที่ประมาณ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งวันนี้มีแผนการบริหารจัดการส่วนท้ายน้ำ โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยา ที่มีแผนการผลักดันน้ำออกซ้ายและขวา เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา

         ส่วนของเขื่อนเจ้าพระยายังคงอัตราการระบายน้ำเดิมอยู่ที่ 2500 ล้าน ลูกบาศก์เมตรต่อ วินาที ยังไม่มีปรับเพิ่มในห้วงสัปดาห์นี้

          6 ตุลาคม 2568 ที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสภาพอากาศ และสถานการณ์น้ำ เพื่อบริหารจัดการน้ำ โดยภายหลังการประชุม นายดนุชา แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ระบุ ในช่วงนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์ฝนที่เป็นผลกระทบจากพายุ ’แมตโม‘ จนถึงประมาณ 15 ตุลาคม คาดการณ์ จากกรมอุตุนิยมวิทยา ในห้วงนี้มีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง / ภาคอีสาน และภาคตะวันออกบางส่วน และจากพายุ ‘บัวลอย’ ที่ผ่านมา มีผลกระทบส่วนหนึ่ง ทำให้มีปริมาณน้ำฝนเพิ่มเติมในเขื่อนสิริกิติ์

          ในวันนี้ ที่ประชุมจึงมีการพิจารณาปรับเพิ่มการระบายน้ำที่เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนภูมิพล เพิ่มเติม โดยการปรับเพิ่มระบายน้ำทั้งสองเขื่อนอยู่ที่ประมาณ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งวันนี้มีแผนการบริหารจัดการส่วนท้ายน้ำ โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยา ที่มีแผนการผลักดันน้ำออกซ้ายและขวา เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา

          นายดนุชา ยืนยันว่า สามารถบริหารจัดการน้ำได้ และส่วนของเขื่อนเจ้าพระยายังคงอัตราการระบายน้ำเดิมอยู่ที่ 2500 ล้าน ลูกบาศก์เมตรต่อ วินาที ยังไม่มีปรับเพิ่มในห้วงสัปดาห์นี้

          ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศ ยังต้องดูสถานการณ์ 3-4 วันนี้ ว่าผลกระทบจากพายุ ‘แมตโม’ จะมีมากน้อยแค่ไหน โดยหลังวันที่ 15 ตุลาคม สถานการณ์ฝนจะเริ่มลดลง

          นายดนุชา ย้ำถึงประชาชนซึ่งมีข้อมูลข้อกังวลเรื่องสถานการณ์น้ำในปีนี้ เทียบเคียงกับปี 2554 โดยขอชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นจริง ขออย่าได้กังวล แม้ว่าข้อมูลเปรียบเทียบจำนวนพายุ ในปี 2554 และในปี 2568 มีจำนวนพายุ 5 ลูกเท่ากัน แต่ปริมาณฝนสะสมแตกต่างกัน โดยในปี 2554 ปริมาณฝนเฉลี่ยทั้งปี สูงกว่าคาดการณ์ปกติถึงร้อยละ 24 ขณะที่ปี 2568 ปริมาณฝนสะสมจนถึง 5 ตุลาคม 2568 อยู่ที่ 1,427 มิลลิเมตร ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ปกติ เพียงร้อยละ 7 เท่านั้น

          ขณะที่การวัดปริมาณน้ำไหลผ่าน เช่น ที่สถานี C2 นครสวรรค์ ในปี 2554 มีน้ำไหลผ่านมากถึง 4,578 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่ในปี 2568 มีปริมาณน้ำไหลผ่านเพียง 2,748 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที , การระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาในปี 2554 อยู่ที่ 3,622 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่ในปี 2568 ปัจจุบันการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ดังนั้น สถานการณ์น้ำมีความแตกต่างกัน และในปัจจุบันมีแผนการ บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ จะไม่เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่อย่างเช่นปี 2554 อย่างแน่นอน

ที่มา : Website : สวพ.91