คำถามที่พบบ่อยโครงการคนละครึ่งพลัส
1. ประชาชน
เป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาล โดยภาครัฐจะร่วมจ่ายค่าสินค้าและบริการบางประเภทให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อลดรายจ่ายให้ประชาชนมีกำลังจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และสร้างรายได้แก่ร้านค้ารายย่อย นำไปสู่การกระตุ้นและพื้นฟูเศรษฐกิจไทย
- มีสัญชาติไทย
- อายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
- มีบัตรประจำตัวประชาชน
- ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 1 ต.ค. 68
- ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือเรียกเงินคืนในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 1 – 5
- ภาครัฐจ่าย 50% (ไม่เกิน 200 บาท/คน/วัน) โดยกำหนดวงเงินสิทธิ ดังนี้
– ประชาชนผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี*: 2,400 บาท/คน
– ประชาชนผู้ไม่ยื่นแบบภาษี: 2,000 บาท/คน - ตลอดระยะเวลาใช้จ่ายในโครงการ ตั้งแต่ 29 ต.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68
หมายเหตุ:
* ประชาชนผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีเงินได้กรณีทั่วไป (ภ.ง.ด. 90) แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีเงินได้จากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากรประเภทเดียว (ภ.ง.ด. 91) หรือแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 95) ของปีภาษี 2567 ตามฐานข้อมูลของกรมสรรพากร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568
- ประชาชนที่เป็นไปตามคุณสมบัติที่กำหนด โดยประชาชนที่เคยรับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 (ปี 2565) ต้องกดปุ่มยืนยันสิทธิ ผ่านช่องทางแอปฯ เป๋าตัง
- ประชาชนที่ไม่เคยรับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 (ปี 2565) ต้องลงทะเบียนและกดยืนยันสิทธิผ่านช่องทางแอปฯ เป๋าตัง
หมายเหตุ การรับสิทธิโครงการคนละครึ่ง พลัส เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด)
ตั้งแต่วันที่ 20 – 26 ต.ค. 68 (จนกว่าสิทธิจะครบ)
- ลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง กดผ่านแบนเนอร์ของโครงการคนละครึ่ง พลัส เท่านั้น
- ตั้งแต่วันที่ 20 – 26 ต.ค. 68 (จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ หรือครบวงเงินงบประมาณของโครงการ) เวลา 06.00 -22.00 น.ของทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 น.ของทุกวัน ผ่านแอปฯ เป๋าตัง
- กรณีประชาชนที่ไม่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 (ปี 2565) ต้องกดปุ่มยืนยันการรับสิทธิผ่านแอปฯ เป๋าตัง
- โดยจะมีการแจ้งผลการลงทะเบียนผ่านแจ้งเตือนบนแอปฯ เป๋าตัง ประมาณ 3 วัน หลังจากลงทะเบียนรับสิทธิ
ประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะไม่สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้
- ประชาชนที่เคยใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 (ปี 2565) ลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง จะมีแจ้งเตือนบนแอปฯ เป๋าตัง ทันที
- ประชาชนที่ไม่เคยใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 (ปี 2565) ลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง จะได้รับ SMS และแจ้งเตือนบนแอปฯ เป๋าตัง ภายใน 3 วัน
ประชาชนต้องใช้จ่ายค่าสินค้า บริการ (ตามเงื่อนไขของโครงการ) ผ่านกระเป๋าเงิน G Wallet บนแอปฯ เป๋าตัง กับร้านค้าถุงเงินที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส
ประชาชนต้องสมัครแอปฯ เป๋าตัง และผูกบริการ G Wallet ให้สำเร็จ
- ประชาชนต้องใช้จ่าย (ใช้สิทธิ) ครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. 68 เวลา 23.00 น. จึงจะสามารถใช้สิทธิได้ตลอดระยะเวลาโครงการ
- หากไม่ใช้สิทธิภายในวันเวลาดังกล่าวจะถือว่าไม่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการและถูกตัดสิทธิจากโครงการ
- ใช้จ่ายผ่านแอปฯ เป๋าตัง G Wallet ในโครงการคนละครึ่ง พลัส ได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68
- โดยสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ระหว่างเวลา 06.00 – 23.00 น.
- ส่วนกรณีใช้จ่ายซื้ออาหาร/เครื่องดื่มผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ ที่เข้าร่วมโครงการ จะสามารถเริ่มใช้จ่ายได้วันที่ 7 พ.ย. 68 ระหว่างเวลา 06.00 – 21.00 น.
รอประกาศอย่างเป็นทางการจากทางภาครัฐอีกครั้ง
- ผู้ที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี 2567 จะได้รับสิทธิ์ใช้จ่าย 2,400 บาท/คน
- กรณีที่ปีภาษี 2567 ไม่ได้ยื่นแบบภาษี จะได้รับสิทธิ์ 2,000 บาท/คน ตามเงื่อนไขที่ภาครัฐกำหนด
2. ร้านค้า
นิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมโครงการประกอบด้วย
- นิติบุคคลตาม พ.ร.บ. กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547 พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 พ.ร.บ. สหกรณ์ พ.ศ. 2542
- ผู้ให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะ
- นิติบุคคลขนาดเล็ก (ภ.ง.ด. 50 รอบบัญชีปี 2567 ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2568)
ต้องใช้เบอร์โทรศัพท์เดียวกันกับที่สมัครแอปฯ ถุงเงิน
การรับเงินจากโครงการ รับผ่านบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทยเท่านั้น
- ส่วนที่ 1 เงินส่วนประชาชนชำระ (G Wallet): จะได้รับ 1 วันถัดไปนับจากวันที่ทำรายการ เวลา 02.00 น. เป็นต้นไป
- ส่วนที่ 2 เงินส่วนของภาครัฐ: จะได้รับ 1 วันถัดไปนับจากวันที่ทำรายการ เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป
กรณีที่เป็นธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่เป็นเฟรนไชส์และธุรกิจบริการ (ยกเว้นนวด สปา ทำเล็บ ทำผม) จะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้
ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ให้อัปเดตแอปฯ ถุงเงินเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดและต้องทำการกดยอมรับเงื่อนไขโครงการบนแบนเนอร์โครงการคนละครึ่ง พลัส บนแอปฯ ถุงเงินก่อน
ตามเงื่อนไขและข้อตกลงการเข้าร่วมโครงการ ร้านค้าไม่สามารถปฏิเสธการรับสิทธิจากประชาชนได้
- มีบัญชีธนาคารกรุงไทย และสมัครเป็นร้านค้าถุงเงินสำเร็จ
- เตรียมบัตรประจำตัวประชาชน และรูปถ่ายร้านค้าที่มีรูปเจ้าของขณะประกอบกิจการ
- ตรวจสอบประเภทกิจการและดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัคร ไปยื่นสมัครกับหน่วยงานดังนี้
- หน่วยงานกระทรวงมหาดไทย (แบบฟอร์ม สำหรับเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย)
– ร้านค้าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป
– ร้านค้า/บริการของวิสาหกิจชุมชน และ OTOP
– สามล้อถีบ
– ร้านทำผม ทำเล็บ - หน่วยงานธนาคารกรุงไทย (แบบฟอร์ม สำหรับเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย)
– ผู้ประกอบการขนส่งที่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่สาธารณะ (เช่น TAXI-METER รถตู้โดยสารสาธารณะ
รถจักรยานยนต์สาธารณะ เป็นต้น)
– ร้านให้บริการนวดสปา ที่มีใบอนุญาตสถานประกอบการ
– ร้านค้านิติบุคคลขนาดเล็ก (ภ.ง.ด. 50) รอบบัญชีปี 2567 ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2568*
- หน่วยงานกระทรวงมหาดไทย (แบบฟอร์ม สำหรับเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย)
- นำเอกสารที่ได้รับการรับรองเรียบร้อยแล้ว ติดต่อ ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ
หมายเหตุ:
- * เฉพาะที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 68 และงบการเงินตามมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. 50) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2567 ซึ่งขายอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป หรือให้บริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผมและให้บริการขนส่งสาธารณะ โดยมีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ตามฐานข้อมูลของกรมสรรพากร ณ วันที่ 30 กันยายน 2568
- ทั้งนี้ ผู้ให้บริการนวด สปา หรือผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะจะต้องได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย
สามารถเข้าไปทำรายการได้ที่ www.ถุงเงินกรุงไทย.com ที่แถบเมนู “จัดการร้านค้า”
3. แอปฯ เป๋าตัง
สมาร์ทโฟนที่มีระบบปฏิบัติการ Android Version 10.0 ขึ้นไป และระบบ iOS Version 15.0 ขึ้นไป
สามารถรับสิทธิโครงการคนละครึ่ง พลัส ได้โดยประชาชนต้องลงทะเบียนและยืนยันตัวตนสำหรับบริการ G Wallet
บนแอปฯ เป๋าตัง ใหม่อีกครั้ง
สามารถลงทะเบียนเข้าใช้งานแอปฯ เป๋าตังได้ตามปกติ โดยต้องสมัครบริการ G Wallet ให้เรียบร้อย และกดยืนยันสิทธิการเข้าร่วมโครงการผ่านแอปฯ เป๋าตัง
กรณีเปลี่ยนชื่อ หรือนามสกุล ชื่อที่แสดงบน G Wallet จะแสดงเป็นข้อมูลใหม่ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับการใช้สิทธิโครงการภาครัฐแต่อย่างใด เพราะสิทธิดังกล่าวยึดจากหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก
กรณีแสกนใบหน้าไม่สำเร็จสามารถดำเนินการติดต่อได้ช่องทางต่อไปนี้
- ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา พร้อมบัตรประชาชนตัวจริง
- ตู้ ATM ธนาคารกรุงไทยที่สามารถยืนยันตนตัวตนได้ พร้อมบัตรประชาชนตัวจริง
- ปัจจุบันช่องทางการยืนยันตัวตน G Wallet บนแอปฯ เป๋าตังมี 1 ช่องทาง คือ การยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า
ขั้นตอนการเติมเงินเข้า G Wallet มีขั้นตอน ดังนี้
- เข้าไปที่หน้าแอปฯ เป๋าตัง
- กดปุ่ม “เติมเงินเข้า G Wallet”
ทั้งนี้ ช่องทางการเติมเงินเข้า G Wallet สามารถทำได้ 3 ช่องทางด้วยกัน
- Mobile Banking ของธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารยูโอบี โดยระบุ G Wallet ID 15 หลัก และจำนวนเงิน
- บัญชีธนาคารกรุงไทยที่ผูกอยู่บนแอปฯ เป๋าตัง โดยต้องมีบัญชีกรุงไทย และผูกบนแอปฯ เป๋าตัง
- QR PromptPay โดยสแกน QR ด้วย Mobile Banking ทุกธนาคาร
- ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทยธนชาต โดยเลือกเมนูเติมเงินพร้อมเพย์ ระบุ G Wallet ID 15 หลัก และจำนวนเงิน
- กรอกข้อมูลเลขบัตรประชาชนและเบอร์มือถือที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
- โดยเบอร์มือถือที่กรอกเป็นเบอร์ใหม่สำหรับการลงทะเบียนครั้งล่าสุด
- กรณีไม่มีปุ่มกดลืมพิน แนะนำให้นำบัตรประชาชนและเบอร์ใหม่ติดต่อเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์แอปฯ เป๋าตังได้ที่สาขาธนาคารกรุงไทยที่สะดวก
หากต้องการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
- ทำการถอนการติดตั้งแอปเป๋าตัง
- ทำการติดตั้งแอปเป๋าตังใหม่โดยใช้เบอร์โทรศัพท์ใหม่
- ระบบจะให้ท่านทำการยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน และสแกนหน้า ตามขั้นตอน
- หลังจากนั้นระบบจะให้ทำการใส่เบอร์โทรศัพท์เพื่อรับรหัส OTP (โดยเบอร์โทรศัพท์ที่ท่านใส่ไปนั้น ระบบจะใช้เบอร์ฯ ดังกล่าวเก็บเป็นข้อมูล)
- กดลืมรหัส PIN
- อ่านและทำตามคำแนะนำ แล้วกดปุ่ม “รับทราบ”
- ยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้าจนสำเร็จ
- ตั้งรหัส PIN 6 หลักใหม่ และยืนยันรหัส PIN 6 หลัก
- ระบบจะแสดงผลการตั้งรหัส PIN สำเร็จ
- แนะนำให้ตรวจสอบเวอร์ชัน และทำการอัปเดตระบบปฏิบัติการของมือถือ เช่น
- ระบบปฏิบัติการ Android Version 10.0 ขึ้นไป
- ระบบ iOS Version 15.0 ขึ้นไป
- หากมือถือไม่สามารถทำการอัปเดตได้เนื่องจากอุปกรณ์ไม่รองรับ อาจจะต้องติดต่อศูนย์บริการอุปกรณ์โทรศัพท์เพื่อขอคำแนะนำ
- ทำการอัปเดตแอปฯ เป๋าตัง เป็นเวอร์ชันล่าสุด
- ธนาคารปรับปรุงเงื่อนไขอายุในการผูกแล้ว
ให้นำบัตรประชาชนตัวจริงติดต่อ ธ.กรุงไทย สาขาที่สะดวกเพื่อยืนยันเบอร์มือถือที่เข้าใช้งาน
กรณีตรวจพบการใช้งาน Debugging Mode บนอุปกรณ์ของคุณ
- เนื่องจากธนาคารมีการเพิ่มความปลอดภัย และปกป้องข้อมูลลูกค้า ธนาคารจึงเพิ่มการป้องกัน โดยตรวจสอบเช็คการเปิดใช้งาน “USB Debugging” (การแก้ไขจุดบกพร่อง USB) เบื้องต้นแนะนำตรวจสอบการตั้งค่าโทรศัพท์เพื่อปิดเมนู “USB Debugging” (การแก้ไขจุดบกพร่อง USB)
- ยี่ห้อโทรศัพท์ Vivo
- ไปที่ Settings
- แตะ More Settings
- แตะ About Phone
- แตะ Software Version 7 ครั้งจากนั้นไปที่ Developer Options
- เปิดใช้ Developer Options
- แตะ OK for Development Settings. Next ปิดใช้ USB Debugging
- แตะ OK บนไดอะล็อก Pop Up เพื่อปิดการอนุญาต USB Debugging
- เครื่อง Oppo
- แนะนำไปที่ Settings
- แตะ About Phone
- แตะ Build Number 7 ครั้งเพื่อเปิดใช้งาน Developer Options. จากนั้นไปที่ Additional Settings
- Developer Options and ปิดใช้ USB Debugging
- แตะ OK บนไดอะล็อก Pop Up เพื่อปิดการอนุญาต USB Debugging
- ไม่ต้องเปิดบัญชี
- กรณียืนยันตัวตนไม่ผ่าน
- ยืนยันตัวตนด้วยตนเองผ่านทางตู้เอทีเอ็ม (ตู้สีเทา) โดยนำบัตรประชาชนไปที่ตู้เอทีเอ็ม
- เลือกเมนู “ยืนยันตัวตน” (ไม่ต้องใช้บัตรเอทีเอ็ม)
- ทำการยืนยัน “การเป็นเจ้าของบัตรประชาชน”
- เลือกยินยอมให้ “เปิดเผยข้อมูลพิสูจน์ตัวตน”
- เสียบบัตรประชาชน ที่ช่อง “Confirm ID” (รอระบบตรวจสอบข้อมูลยืนยันตัวตนของท่าน)
- เมื่อระบบตรวจสอบเสร็จนำบัตรประชาชนออก และดำเนินการต่อบนแอปฯ
- หรือ นำบัตรประชาชนติดต่อธนาคารกรุงไทยได้ทุกสาขา
- ยืนยันตัวตนด้วยตนเองผ่านทางตู้เอทีเอ็ม (ตู้สีเทา) โดยนำบัตรประชาชนไปที่ตู้เอทีเอ็ม
4. แอปฯ ถุงเงิน
สมาร์ทโฟนที่มีระบบปฏิบัติการ Android Version 10.0 ขึ้นไป และระบบ iOS Version 15.0 ขึ้นไป
ร้านค้าถุงเงินที่เข้าร่วมโครงการได้รับเงิน ดังนี้
- รับสิทธิผ่าน QR ถุงเงินที่มือถือ: ระบบโอนเงินเข้าบัญชีร้านค้าที่ผูกกับแอปฯ ถุงเงิน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
- ส่วนที่ 1 : เงินส่วนของประชาชน ที่ชำระผ่าน G Wallet ตั้งแต่เวลา 02:00 น. เป็นต้นไป
- ส่วนที่ 2 : เงินสมทบจากภาครัฐ ตั้งแต่เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป
- รับสิทธิผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี: ระบบโอนเงินเข้าบัญชีร้านค้าที่ผูกกับแอปฯ ถุงเงิน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
- ส่วนที่ 1 : เงินส่วนของประชาชน ที่ชำระผ่าน G Wallet ใน 3 วันถัดไปนับจากวันทำรายการ ตั้งแต่เวลา 02:00 น. เป็นต้นไป
- ส่วนที่ 2 : เงินสมทบจากภาครัฐ ใน 3 วันถัดไปนับจากวันทำรายการ ตั้งแต่เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป
ร้านค้าถุงเงินคนละครึ่ง พลัส
- ร้านทั่วไป สามารถรับเงินสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. 2568 ในช่วงเวลา 06.00 – 23.00 น. ของทุกวัน จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2568 (สิ้นสุดโครงการ)
- ร้านที่รับสิทธิผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรี่ เริ่มใช้จ่ายวันที่ 7 พ.ย. 2568 สามารถรับเงินสิทธิได้ในช่วงเวลา 06.00 – 21.00 น.
ขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการหลังได้รับแจ้งเตือนจากโครงการฯ
- อัพเดทแอปฯ ถุงเงิน เวอร์ชั่นล่าสุด (ตรวจสอบการอัพเดทบน App Store หรือ Play Store)
- กดปุ่ม คนละครึ่ง พลัส
- กดยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส
- ปุ่มคนละครึ่ง พลัส เป็นพื้นหลังสีน้ำเงิน
- เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส สำเร็จ
ไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก QR รับเงินของร้านค้ามีอายุการใช้งานจำกัด ร้านค้าต้องสร้างรายการรับเงินจากสิทธิคนละครึ่ง พลัส 1 ครั้งต่อ 1 รายการ
ขั้นตอนการรับเงินจากประชาชนที่ใช้สิทธิคนละครึ่ง พลัส
- เข้าใช้งานแอปฯ ถุงเงิน
- กดปุ่ม คนละครึ่ง พลัส
- ระบุจำนวนเงินที่ต้องการรับจากการขายสินค้า
- กดสร้าง QR เพื่อรับเงิน
- แสดง QR ที่สร้าง เพื่อให้ลูกค้าสแกนจากแอปฯ เป๋าตัง
- รอรับการแจ้งเตือนเงินเข้าบนแอปฯ ถุงเงิน
- รับเงินสำเร็จ โปรดตรวจสอบรายการเงินเข้าบนแอปฯ ถุงเงิน
สามารถตรวจสอบรายการรับเงินบนแอปถุงเงินได้ 2 วิธี ดังนี้
- วิธีที่ 1 : เมนู “รายการวันนี้”
- วิธีที่ 2 : เมนู “สรุปยอด” (ย้อนหลังรายวัน/รายเดือน)
5. Food delivery ประชาชน
สามารถใช้ได้ตามเงื่อนไขที่แต่ละแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ กำหนด
รัฐไม่ร่วมจ่ายค่าจัดส่งอาหาร/เครื่องดื่ม ประชาชนจะต้องชำระค่าส่งในแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ นั้น ๆ ตามรูปแบบการชำระเงินที่ผูกไว้
ต้องชำระค่าอาหาร/เครื่องดื่ม ผ่าน G Wallet เท่านั้น
สามารถติดตามสถานะการจัดส่งอาหาร/เครื่องดื่ม ได้ที่แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่
ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่
การค้นหาร้านอาหาร/เครื่องดื่ม สามารถทำได้ผ่านแอปฯ เป๋าตัง หรือบนเว็บไซต์
ตรวจสถานะการจัดส่งได้จากแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ นั้นๆ
ต้องมีแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ ที่เลือกในโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวกันกับที่ค้นหาผ่านแอปฯ เป๋าตัง
- ต้องชำระค่าจัดส่งผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่
- จากนั้นจ่ายค่าอาหาร/เครื่องดื่ม ผ่าน G Wallet ในแอปฯ เป๋าตัง
สิทธิในโครงการฯ จะใช้ได้เฉพาะค่าอาหาร/เครื่องดื่มเท่านั้น ไม่รวมค่าจัดส่ง
ต้องเข้าสั่งอาหาร/เครื่องดื่มโดยเริ่มจาก แอปฯ เป๋าตังเท่านั้น กรณีที่เริ่มเข้าสั่งอาหาร/เครื่องดื่มจากแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ จะไม่สามารถใช้สิทธิโครงการฯ ได้
เมื่อชำระเงินอาหารที่แอปฯ เป๋าตังสำเร็จ สามารถสั่งอาหาร/เครื่องดื่มเพิ่มเติมได้ทันที ไม่ต้องรอให้อาหารมาส่ง
สามารถไปใช้สิทธิแบบ Face to Face ทั่วไป ได้ปกติ
- ใช้จ่ายผ่านแอปฯ เป๋าตัง G Wallet ในโครงการคนละครึ่ง พลัส ได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. 2568 – 31 ธ.ค. 2568 ระหว่างเวลา 06.00 – 23.00 น.
- ส่วนกรณีใช้จ่ายซื้ออาหาร/เครื่องดื่มผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ ที่เข้าร่วมโครงการ จะสามารถเริ่มใช้จ่ายได้วันที่ 7 พ.ย. 2568 ระหว่างเวลา 06.00 – 21.00 น.
ร้านค้ายกเลิก หรือไม่สามารถหา Rider ได้ หรือ Rider ยกเลิก
ผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ หลังจากที่ได้ Rider
ผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ หลังร้านค้ารับรายการอาหาร/เครื่องดื่ม
- ไม่สามารถชำระได้ เนื่องจากรัฐไม่ร่วมจ่ายค่าจัดส่ง จึงต้องชำระค่าจัดส่งผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่
- ไม่สามารถชำระผ่านบัตรเครดิตได้
- ต้องจ่ายจากการเติมเงินใน G Wallet บนแอปฯ เป๋าตังเท่านั้น
- เริ่มสั่งอาหาร/เครื่องดื่มได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. – 31 ธ.ค. 2568 เวลา 06.00 – 21.00 น. เท่านั้น (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเวลาเปิดปิดของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการด้วย)
ตรวจสอบประวัติการสั่งซื้อได้บน แอปฯ เป๋าตัง ผ่านเมนู ประวัติการสั่งซื้อ
ไม่สามารถทำได้ ต้องดำเนินจากกดชำระผ่าน G Wallet เท่านั้น
โครงการนี้ไม่สามารถผูกบัตรเครดิตได้
ไม่มีจำกัดจำนวนครั้งและราคา ในการสั่งอาหาร/เครื่องดื่มผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ ทั้งนี้ จนกว่าจะใช้จ่ายครบวงเงินสิทธิตามโครงการฯ
จะได้รับแจ้งสถานะ พร้อมทำการคืนสิทธิและเงินที่ชำระค่าอาหาร/เครื่องดื่ม ที่ G Wallet บนแอปฯ เป๋าตัง
จะได้รับแจ้งสถานะ พร้อมทำการคืนสิทธิและเงินที่ชำระค่าอาหาร/เครื่องดื่ม ที่ G Wallet บนแอปฯ เป๋าตัง
ติดต่อโดยตรงที่แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ ที่ท่านเลือกใช้บริการ
- ต้องติดต่อที่แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่เท่านั้น
- จะไม่สามารถกดยกเลิกที่แอปฯ เป๋าตังได้
ไม่สามารถยกเลิกอาหาร/เครื่องดื่มได้ หากทำการจ่ายเงินแล้ว และหากร้านค้าจะทำการยกเลิกต้องยกเลิกทั้งออร์เดอร์
- ได้รับเงินคืนเข้าบัญชี G Wallet ภายใน 15 นาที เฉพาะค่าอาหาร/เครื่องดื่ม
- ไม่รวมถึงค่าจัดส่ง
จะได้รับแจ้งสถานะ พร้อมทำการคืนสิทธิและเงินที่ชำระค่าอาหาร/เครื่องดื่ม ที่ G Wallet บนแอปฯเป๋าตัง
แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่จะคืนเงินให้ผ่านช่องทางการชำระเงินในแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่
6. Food delivery ร้านค้า
ร้านค้าจะได้รับเงินจากการขายเข้าบัญชีร้านค้าที่ผูกกับแอปฯ ถุงเงิน ใน 3 วันถัดไปนับจากวันที่ทำรายการ แบ่งเป็น 2 ส่วน
- ส่วนที่ 1 เงินส่วนของประชาชน (G Wallet): 3 วันถัดไป นับจากวันที่ทำรายการ ตั้งแต่เวลา 02.00 น. เป็นต้นไป
- ส่วนที่ 2 เงินสมทบจากภาครัฐ: 3 วันถัดไป นับจากวันที่ทำรายการ ตั้งแต่เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป
2 กรณีที่ไม่มี Rider หรือการยกเลิกอื่น ๆ จะสามารถทำอยา่ งไรได้บ้าง จะเป็นไปตามเงื่อนไขที่แต่ละแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ กำหนด
ไม่อนุญาตให้ร้านค้าทอนเงินเป็นเงินสด หรือรับคืนอาหาร/เครื่องดื่มเป็นเงินสดไม่ว่ากรณีใด ๆ
ร้านค้าจะได้รับเงินตรง ไม่ผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ โดยภาครัฐจะสนับสนุนค่าอาหาร/เครื่องดื่มเท่านั้น ไม่รวมค่า
จัดส่ง
ไม่มีจำกัดออร์เดอร์ต่อวัน
- GrabFood คือ รหัสร้านค้าในแอปฯ GrabMerchant
- LINE MAN คือ รหัสร้านค้าในแอปฯ Wongnai Merchant
- ShopeeFood คือ รหัสร้านค้าในแอปฯ Shopee Partner
- Robinhood คือ รหัสร้านค้าในแอปฯ
จะมีรายการแจ้งให้ทราบผ่านแอปฯ ถุงเงิน และแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ ของร้านค้า
ร้านค้าเริ่มเลือกผูกบัญชีแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่เพียง 1 ราย บนแอปฯ ถุงเงิน ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. 2568
ร้านค้าถุงเงินที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ คือร้านค้าที่อยู่ในโครงการคนละครึ่ง พลัส ในหมวดร้านอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น
ร้านค้าต้องกดรับรายการที่ลูกค้าสั่งในแอปฯ ถุงเงิน ภายใน 10 นาที
ต้องทำการสมัครใหม่ บนแอปฯ ถุงเงิน
สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการที่แอปฯ ถุงเงิน
ร้านถุงเงินสามารถปฏิเสธรายการอาหารได้ โดยมีปุ่มปฏิเสธที่แอปฯ ถุงเงิน ถ้าร้านกดปฏิเสธ เงินที่ลูกค้าจ่ายจะคืนทั้งส่วนประชาชน และสิทธิให้ใน G Wallet
สามารถทำตามเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่
เมื่อเลือกผูกแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ใดแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแพลตฟอร์มใหม่ได้
ร้านค้าที่สามารถเข้าร่วมได้จะอยู่ในหมวดร้านอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น
ต้องมีแอปฯ ถุงเงิน
ต้องเลือกเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ เพียงรายเดียวเท่านั้น
ต้องสมัครเป็นร้านค้าในโครงการคนละครึ่งก่อน ถึงจะสามารถเข้าร่วมโครงการกับฟู้ดเดลิเวอรี่ ได้
เริ่มสั่งอาหารได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. – 31 ธ.ค. 2568 สั่งอาหารได้ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น.
ร้านค้าสามารถเลือกแพลตฟอร์มที่เข้าร่วมโครงการได้ 1 แพลตฟอร์ม เท่านั้น
เป็นไปตามกระบวนการของแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ ในการหา Rider ใหม่
ดำเนินการตามนโยบายและวิธีการของแต่ละแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่
ไม่มีหน้าให้แก้ไข ต้องรอผลการตรวจสอบข้อมูล และเข้าไปทำรายการใหม่อีกครั้ง
ร้านค้าสามารถกดยกเลิกได้ผ่านแอปฯ ถุงเงินภายใน 10 นาที
- เมื่อเข้าร่วมโครงการกับแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่แล้ว จะไม่สามารถยกเลิกได้
- แต่จะมีปุ่มให้เลือกเปิด/ปิด การรับอาหาร/เครื่องดื่มผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่แอปฯ ที่ในเมนูตั้งค่าของแอปฯ ถุงเงิน
ร้านค้าแจ้งตามนโยบายและวิธีการที่แต่ละแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่กำหนดไว้
ไม่สามารถทำได้ หากร้านค้าจะทำการยกเลิกต้องยกเลิกทั้งออร์เดอร์
7. อื่น ๆ
- ไม่สามารถใช้สแกนที่ร้านคนละครึ่งได้
- ต้องใช้ที่ร้านธงฟ้าเท่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
ที่มา
- กระทรวงการคลัง
- Callcenter 0 2111 1122
- Krungthai Care