ตำรวจไซเบอร์ เตือนระวังกลลวงรูปแบบใหม่ “สแกนจ่ายต่างประเทศ แต่ปลายทางคือมิจฉาชีพ”

ตำรวจไซเบอร์ เตือนระวังกลลวงรูปแบบใหม่ “สแกนจ่ายต่างประเทศ แต่ปลายทางคือมิจฉาชีพ”

       ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยกลโกงรูปแบบใหม่ “สแกนจ่ายต่างประเทศ ปลายทางเป็นมิจฉาชีพ” โดยหลอกให้เหยื่อชำระเงินผ่าน QR Code ที่แปลงสกุลเงินอัตโนมัติ ทำให้ยอดเงินถูกโอนไปยังบัญชีต่างประเทศของมิจฉาชีพ ซึ่งติดตามคืนได้ยาก

       เฟซบุ๊ก ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท. ได้โพสต์ข้อความเรื่อง “กลลวงมิจฉาชีพรูปแบบใหม่ สแกนจ่ายต่างประเทศ แต่ปลายทางคือมิจฉาชีพ โดยระบุว่า ปัจจุบันพบกลโกงรูปแบบใหม่ที่มีความแนบเนียนมากขึ้น โดยมิจฉาชีพซึ่งมักอยู่ในต่างประเทศ จะใช้วิธีเปิดบัญชีหรือร้านค้าออนไลน์ปลอม เพื่อหลอกให้เหยื่อชำระเงินข้ามประเทศ

ขั้นตอนกลโกง มีดังนี้

    1. มิจฉาชีพชักชวนให้เหยื่อสั่งซื้อสินค้า หรือชำระค่าบริการข้ามประเทศ
    2. จากนั้นส่ง QR Code สำหรับชำระเงินมาให้ โดยระบุจำนวนเงินไว้ใน QR Code
    3. เมื่อเหยื่อสแกน QR Code ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร ระบบจะทำการแปลงสกุลเงินให้อัตโนมัติ เช่น เห็นยอดเป็น 1,000 บาท แต่ปลายทางจะได้รับเป็น ‘สกุลเงินต่างประเทศ’
    4. ระบบจะแสดงสถานะ ‘ชำระเงินสำเร็จแบบเรียลไทม์ (Real-time confirmation)’ ทั้งผู้จ่ายและร้านค้าจะเห็นข้อมูลตรงกัน ทำให้เหยื่อหลงเชื่อว่าการชำระเงินถูกต้อง
    5. ในความเป็นจริง บัญชีปลายทางเป็นของมิจฉาชีพในต่างประเทศ เมื่อเงินถูกโอนไปแล้ว การติดตามหรือเรียกคืนแทบจะเป็นไปไม่ได้

ข้อควรสังเกตก่อนโอน มีดังนี้

    • ตรวจสอบว่ายอดปลายทางเป็นสกุลเงินบาท (THB) หากพบว่าเป็น USD, CNY, SGD หรือสกุลเงินอื่น ถือว่ามีความเสี่ยงสูง
    • หากระบบแจ้งว่า ‘โอนข้ามประเทศ’ หรือมีข้อความ ‘ค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยน’ ให้หยุดการทำรายการ และตรวจสอบกับธนาคารก่อนทุกครั้ง
    • หากผู้ขายเร่งรัดให้โอนเงินทันที อ้างว่า ‘ระบบจะหมดเวลา’ หรือ ‘ราคาจะเปลี่ยน’ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ

วิธีป้องกัน มีดังนี้

    • ตรวจสอบชื่อบัญชีและสกุลเงินให้ถูกต้องก่อนยืนยันการโอน
    • หากเป็นการโอนข้ามประเทศ ควรสอบถามธนาคารโดยตรงก่อนทำรายการ
    • หลีกเลี่ยงการสแกน QR Code จากแหล่งที่ไม่รู้จัก หรือที่ได้รับผ่านแชตและโซเชียลมีเดีย
    • เก็บภาพหน้าจอ (เช่น สลิป, QR Code, แชต) ไว้เป็นหลักฐาน

       ทั้งนี้ แจ้งความออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.go.th หรือหากมีข้อสงสัย สอบถามได้ที่สายด่วน 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง