สคบ. เดินหน้า OCPB Fasttrack ปฏิวัติการคุ้มครองผู้บริโภคไทยเชื่อมตรงภาคธุรกิจแก้ปัญหาทันใจ

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เดินหน้า OCPB Fasttrack ปฏิวัติการคุ้มครองผู้บริโภคไทยเชื่อมตรงภาคธุรกิจแก้ปัญหาทันใจ

         OCPB Fasttrack ปฏิวัติการคุ้มครองผู้บริโภคไทยเชื่อมตรงภาคธุรกิจแก้ปัญหาทันใจ ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล

         รัฐบาลไทยเดินหน้าผลักดันนโยบาย “Quick Big Win” เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา ของประเทศให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยหนึ่งในภารกิจสำคัญที่มุ่งเน้น คือ “การคุ้มครองผู้บริโภค” ซึ่งเป็น นโยบายเร่งด่วนที่ได้รับการกำกับดูแลโดย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสันติ ปิยะทัด ผู้มุ่งมั่น สร้างระบบคุ้มครองผู้บริโภคให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และตอบสนองประชาชนอย่างแท้จริง

         ภายใต้นโยบายดังกล่าว รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสันติ ปิยะทัด ได้เป็น สักขีพยานในพิธีลงนาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ” ระหว่าง เลขาธิการ สคบ. และผู้ประกอบธุรกิจชั้นนำ 12 ราย เข้าร่วมโครงการ “OCPB Fasttrack” เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลด้านคุ้มครองผู้บริโภคกับภาคธุรกิจโดยตรง ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศในการยกระดับการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์ของผู้บริโภคให้ “รวดเร็ว – โปร่งใส – มีประสิทธิภาพ” อย่างแท้จริง
“Fasttrack” สู่ยุคใหม่แห่งการคุ้มครองผู้บริโภคไทย

         ในแต่ละปี สคบ. ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนผู้บริโภคมากกว่า 25,000-28,000 เรื่อง และกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ มีสาเหตุมาจากการซื้อขายผ่านของทางออนไลน์ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผล ทำให้เกิดความล่าช้าในการแก้ไขปัญหาเนื่องจากขั้นตอนที่ซับซ้อนและการประสานงานข้ามหน่วยงาน เพื่อคลี่คลายข้อจำกัดดังกล่าว สคบ. ได้ริเริ่ม “OCPB Fasttrack” ระบบเชื่อมโยงข้อมูล แบบเรียลไทม์ (Real-time Integration) ระหว่างหน่วยงานรัฐและภาคธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดขั้นตอน การประสานงานให้เหลือเพียง “การเชื่อมต่อข้อมูลครั้งเดียว แต่ได้ผลหลายมิติ”

         ระบบนี้จะช่วยให้เรื่องร้องทุกข์จากผู้บริโภคที่ส่งถึง สคบ. ถูกส่งต่อถึงผู้ประกอบธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องได้โดยตรงทันที ผู้ประกอบธุรกิจสามารถตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภค ได้อย่างรวดเร็ว โดยมีกรอบเวลาการดำเนินงานและมาตรฐานเดียวกัน เพื่อสร้าง “ความพึงพอใจ” และ “ความเชื่อมั่น” ต่อระบบคุ้มครองผู้บริโภคของรัฐ

         ขับเคลื่อนนโยบาย “Quick Big Win” ด้วยนวัตกรรมการบริหารภาครัฐ

         รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสันติ ปิยะทัต ซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในการ กำกับดูแลนโยบายด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ได้มอบแนวทางสำคัญ 5 ด้าน ให้ สคบ.เร่งขับเคลื่อน ได้แก่

  • การสร้างสังคมปลอดบุหรี่ไฟฟ้า
  • การลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อย
  • การอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการรายย่อย (SME)
  • การสนับสนุนบรรยากาศการท่องเที่ยวไทย
  • การคุ้มครองผู้บริโภคในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส”

         ในประเด็น การอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการรายย่อย (SME) สคบ. ได้ออกแบบ ระบบใหม่ให้การจดทะเบียนธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงสามารถดำเนินการได้ง่าย รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งจะช่วยสงเสริมทั้งเศรษฐกิจฐานรากและกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคไปพร้อมกัน

         บูรณาการภาคธุรกิจ ร่วมสร้าง “กลไกเชิงรุก” เพื่อผู้บริโภคไทย โครงการ OCPB Fasttrack ไม่เพียงเป็นนวัตกรรมของภาครัฐ แต่ยังเป็น “จุดเริ่มต้น ของความร่วมมือระหว่าง สคบ. กับผู้ประกอบการ 12 ราย ได้แก่ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ติ๊กต๊อก ช็อป (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เน็กซเตอร์ ดิจิตอล แอนด์ โซลูชั่น จำกัด, บริษัท เบ็ตเตอร์บี มาร์เก็ตเพลส จำกัด, บริษัท ลาซาด้า จำกัด, บริษัท ไลน์แมน (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน), บริษัท เอสพีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด, และ บริษัท แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ (ประเทศไทย) จำกัด” เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์ของผู้บริโภค ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างปลอดภัยและโปร่งใส โดยยึดแนวทางตาม Roadmap “OCPB Connect” ที่มุ่งยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

         ภายหลังพิธีลงนาม สคบ. และภาคธุรกิจที่เข้าร่วมจะเริ่มทดลองใช้งานระบบจริง (Go Live) ร่วมกันในเดือนมีนาคม 2569 ซึ่งจะเป็นการยกระดับระบบคุ้มครองผู้บริโภคสู่ยุคดิจิทัลที่ตอบสนองอยางทันที และทั่วถึง

         นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า “โครงการ OCPB Fasttrack เป็นกลไกที่เราสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความคาดหวัง ของประชาชน ภายใต้แนวคิด “การคุ้มครองที่รวดเร็ว คือ ความเชื่อมั่นที่ยั่งยืน” เราเชื่อว่า การเชื่อมโยงข้อมูล และการทำงานร่วมกับภาคธุรกิจจะทำให้การคุ้มครองผู้บริโภคไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม”

         พิธีลงนามบันทึกข้อตกลง จึงถือเป็น “หมุดหมายใหม่” ของระบบการคุ้มครองผู้บริโภคไทย ที่ไม่เพียงย่นระยะเวลาในการแก้ปัญหา แต่ยังเป็นต้นแบบของความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน ที่มุ่งสร้าง สังคมแห่งความเชื่อมั่น โปร่งใส และยั่งยืน เพื่อผู้บริโภคทุกคนในประเทศไทย “เรามุ่งมั่นให้ Fasttrack กลายเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐ ที่ทำให้คำว่า ‘คุ้มครองผู้บริโภค” ไม่ใช่แค่ค้าพูดในเอกสาร แต่คือ การคุ้มครอง ที่ประชาชนสัมผัสได้จริง”