สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ยืนยันว่าเขื่อนภูมิพลบริหารจัดการน้ำได้ตามแผน ไม่จำเป็นต้องเปิด Spillway
สถานการณ์อยู่ในการควบคุม ขอประชาชนเชื่อมั่นในการบริหารจัดการน้ำ พร้อมลดการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ และปรับบริหารน้ำแม่น้ำน่าน–สะแกกรังควบคู่กัน ปรับลดการระบายน้ำเขื่อนป่าสักฯ และเพิ่มการรับน้ำเข้าระบบชลประทานสองฝั่ง คงการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาไว้ที่ 2,900 ลบ.ม./วินาที เร่งระบายน้ำท่วมขังเพื่อให้ประชาชนกลับสู่ภาวะปกติเร็วที่สุด
นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ยืนยันว่า การบริหารจัดการน้ำในเขื่อนภูมิพล เป็นไปตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่มีความจำเป็นต้องเปิดอาคารระบายน้ำล้น (Spillway) ออกสู่ท้ายน้ำ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า การบริหารจัดการน้ำดังกล่าวอยู่ในแผนและเป็นสถานการณ์ที่ควบคุมได้ พร้อมทั้งระบุว่าได้ลดการระบายน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ บริหารจัดการน้ำแม่น้ำน่านและแม่น้ำสะแกกรังควบคู่กันไป ลดการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเพิ่มการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก เพื่อลดผลกระทบภาพรวมทั้งระบบ และคงอัตราการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาที่ 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อไม่ไปซ้ำเติมผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ โดยกรมชลประทาน ยังคงเดินหน้าเร่งระบายน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว
ขณะที่นายพชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มอบหมายให้กรมอุตุนิยมวิทยาติดตามและประเมินปริมาณฝนบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำและลดความเสี่ยงจากสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน ส่วนกองทัพเรือ ได้ประสานกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) วางแผนการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำตามจุดสำคัญทั่วกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบ 10 จุด รวม 58 ลำ เร่งระบายน้ำจากพื้นที่ชั้นในออกสู่ทะเล
นอกจากนี้ สทนช. ได้แจ้งเตือนเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 17 – 22 พ.ย. 68 และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แจ้งเตือนประชาชนอย่างทันท่วงที เตรียมพร้อมเครื่องมือ บุคลากรให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
ที่มา : NBT – ภาคเหนือ
