สำนักงานสภาพัฒฯ เปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาส 2566 การจ้างงานดีขึ้นร้อยละ 1.7

สำนักงานสภาพัฒฯ เปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาส 2566 การจ้างงานดีขึ้นร้อยละ 1.7

          สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2566 พบว่า การจ้างงานปรับตัวดีขึ้นและการว่างงานที่ปรับตัวดี โดยสถานการณ์ด้านแรงงานปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวในสาขานอกภาคเกษตรกรรม ส่วนภาคเกษตรกรรมได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง



          นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2566 พบว่า การจ้างงานปรับตัวดีขึ้นและการว่างงานที่ปรับตัวดี โดยสถานการณ์ด้านแรงงานปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวในสาขานอกภาคเกษตรกรรม ส่วนภาคเกษตรกรรมได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง

          ขณะที่ชั่วโมงการทำงาน ค่าจ้างแรงงานและอัตราการว่างงาน ยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน สำหรับการจ้างงานผู้มีงานทำมีจำนวนทั้งสิ้น 39.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.7 จากการขยายตัวของการจ้างงานสาขานอกภาคเกษตรกรรม โดยสาขาโรงแรมและภัตตาคารยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและการเข้ามาอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่นเดียวกับสาขาก่อสร้างที่มีการจ้างงานเพิ่มมากขึ้นร้อยละ 6.0 และสาขาการผลิต การค้าส่งและค้าปลีกและการขนส่งและเก็บสินค้า เพิ่มขึ้นเช่นกันที่ร้อยละ 0.3 0.5 และ 1.1 ตามลำดับ

          ขณะที่ภาคเกษตรกรรมหดตัวเล็กน้อยจากปีที่แล้ว ร้อยละ 0.2 ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาภัยแล้ง ชั่วโมงการทำงานปรับตัวดีขึ้น โดยชั่วโมงการทำงานภาพรวมและเอกชนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่วนสำหรับค่าจ้างแรงงาน ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน โดยค่าจ้างเฉลี่ยในภาพรวมและภาคเอกชนอยู่ที่ 15,412 และ 14,032 บาทต่อคนต่อเดือน ทั้งนี้ อัตราการว่างงานมีแนวโน้มดีขึ้น การว่างงาน ลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 1.06 หรือมีผู้ว่างงานจำนวน 4.3 แสนคน

          นอกจากนี้ พบว่าอัตราคาดการณ์แนวโน้มดีขึ้น สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในระยะถัดไปคือ การขาดแคลนแรงงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องซึ่งหากพิจารณาตำแหน่งงานว่างและจำนวนแรงงานที่ได้บรรจุงานในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2565 ถึงเดือนมิถุนายน ปี 2566 พบว่าผู้สมัครงาน 1 คนมีตำแหน่งงานรองรับถึง 5 ตำแหน่ง การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือการเกษียณอายุของแรงงานทักษะต่ำ โดยไตรมาสสองปี 2566 มีแรงงานทักษะต่ำในภาคเอกชนที่กำลังจะเกษียณอายุกว่า 1.3 ล้านคน ขณะที่แรงงานที่จะเข้ามาทดแทนมีแนวโน้มลดลง ผลกระทบต่อการจ้างงานและรายได้ของเกษตรกรจากภัยแล้งที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น โดยปริมาณฝนสะสมในปัจจุบันมีค่าน้อยกว่าค่าปกติในทุกภูมิภาค



ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230828143320385