สิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน กรณีทันตกรรม

       สำนักงานประกันสังคม ให้สิทธิของผู้ประกันตน มาตรา 33 และมาตรา 39 สามารถทําทันตกรรม หรือทำฟัน สิทธิประกันสังคม โดยผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมครบ 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน แม้ผู้ประกันตนส่งเงินเข้าสมทบทุนประกันสังคมครบ 3 เดือนแล้ว จากนั้นทำการลาออกยังสามารถเข้ารับบริการทำฟันได้ยังคุ้มครองต่ออีก 6 เดือนนับจากวันที่ลาออก

      ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิประกันสังคม โดยการถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และผ่าตัดฟันคุด ไม่ต้องสำรองจ่ายก่อนใช้สิทธิได้สูงสุด 900 บาทต่อปีต่อคน โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี ซึ่งสามารถเบิกได้จนกว่าจะครบ 900 บาทต่อปี นอกจากนี้การทำฟันประกันสังคมยังครอบคลุมการฟันปลอมชนิดได้บางส่วนหรือชนิดถอดได้ทั้งปาก ซึ่งทั้งหมดเป็นสิทธประกันสังคมของผู้ประกันตนพึ่งจะได้รับ

      สิทธิทำฟันฟรี 900 บาทต่อคน เป็นสิทธิเฉพาะปี หากไม่ได้ใช้วงเงินดังกล่าวจะไม่ทบยอดในปีถัดไป ดังนั้นหากไม่ใช้สิทธิในปีนี้ถือว่าเสียโอกาสในการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากในปีนั้นไป ดังนั้นอย่าลืมไปใช้สิทธิของตนเองเพื่อสุขภาพฟันที่ดี ฟันสะอาด สามารถใช้บริการได้ทั้งโรงพยาบาลรัฐบาล โรงพยาบาลเอกชน และคลินิกทันตกรรมทั่วไปได้ที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งมักจะมีป้ายประชาสัมพันธ์หรือมีสติกเกอร์แจ้งติดเอาไว้หน้าคลินิกว่าสถานพยาบาลแห่งนี้ให้บริการผู้ประกันตนกรณีทันตกรรมทำฟัน ไม่ต้องสำรองจ่าย

หลักเกณฑ์และเงื่อนไข

การถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และผ่าตัดฟันคุด

    • ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริง 900 บาท/ครั้ง/ปี
    • หากค่ารักษามากกว่าสิทธิ์ ผู้ประกันตนจ่ายเพิ่มเฉพาะส่วนที่เกินเท่านั้น

กรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้บางส่วน

       ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์และค่าฟันเทียมเท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 1,500  บาท  ภายในระยะเวลา  5  ปีนับแต่วันที่ใส่ฟันเทียมนั้น ตามหลักเกณฑ์ดังนี้

      • 1-5 ซี่   เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน  1,300 บาท
      • มากกว่า 5 ซี่   เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 1,500 บาท  

กรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้ทั้งปาก 

       ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์และค่าฟันเทียมเท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 4,400 บาท ภายในระยะเวลา  5  ปีนับตั้งแต่วันที่ใส่ฟันเทียมนั้น ตามหลักเกณฑ์ดังนี้

      • ฟันเทียมชนิดถอดได้ทั้งปากบนหรือล่าง  เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 2,400  บาท
      • ฟันเทียมชนิดถอดได้ทั้งปากบนและล่าง  เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน  4,400 บาท        

หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์กรณีทันตกรรม

    1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีทันตกรรม (สปส.2-16)
    2. ใบรับรองแพทย์
    3. ใบเสร็จรับเงิน
    4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้
    5. เวชระเบียนของแพทย์ผู้รักษา(กรณีเบิกฟันปลอมฐานอคริลิก)

กรณีขอรับเงินทางธนาคาร ให้แนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์หน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชี 11 ธนาคาร ดังนี้

    1. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
    2. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
    3. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
    4. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
    5. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
    6. ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
    7. ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
    8. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
    9. ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน)
    10. ธนาคารออมสิน
    11. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

สถานที่ยื่นเรื่อง

  • สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่
  • สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)