โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet

ความคืบหน้าของโครงการ

การเปิดลงทะเบียนของประชาชนทั่วไป กลุ่มที่มี Smart Phone

    • สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567

การลงทะเบียนของของประชาชนทั่วไป กลุ่มที่ไม่มี Smart Phone

    • ⚠️ เลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิม 📢 รอการประกาศวันลงทะเบียนใหม่อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

กำหนดวันลงทะเบียนของร้านค้า

    • ⚠️ เลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิม 📢 รอการประกาศวันลงทะเบียนใหม่อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

Hot Link

ข้อมูลโครงการ

ทำไมต้องทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต?

  • กระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้อย่างทั่วถึง สู่ 878 อำเภอ ทั่วประเทศ
  • วางรากฐานระบบเศรษฐกิจดิจิทัล สร้างความโปร่งใส ให้กับกลไกการชำระเงิน
  • กลุ่มเป้าหมาย 50 ล้านคน ประมาณการผู้ใช้สิทธิ 45 ล้านคน
  • บรรเทาภาระค่าครองชีพ สร้างโอกาสการประกอบอาชีพ และเพิ่มการหมุนเวียนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

Website

ชื่อเว็บไซต์ภาษาอังกฤษ

ชื่อเว็บไซต์ภาษาไทย

ระยะเวลาดำเนินโครงการ

สมัครเข้าร่วมโครงการ

    • ประชาชนทั่วไป
        • กลุ่มที่มี Smart Phone 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567
          ** เปิดลงทะเบียน ในวันที่ 1 สิงหาคม เวลา 8.00 น. เป็นต้นไป หลังจากนั้นลงได้ตลอด 24 ชม.

        • กลุ่มที่ไม่มี Smart Phone ** 📢 รอการประกาศวันลงทะเบียนใหม่อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง
    • ร้านค้า ** 📢 รอการประกาศวันลงทะเบียนใหม่อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

ตรวจสอบผลการลงทะเบียน

    • ⚠️ เลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิม 📢 รอการประกาศวันลงทะเบียนใหม่อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง
      ประชาชนทั่วไป กลุ่มที่มี Smart Phone จะได้รับผลแจ้งสิทธิพร้อมกัน ผ่านการแจ้งเตือนในแอปพลิเคชั่นทางรัฐ

เริ่มใช้จ่ายโครงการ ฯ

    • ⚠️ เลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิม 📢 รอการประกาศวันลงทะเบียนใหม่อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

ประชาชน

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเงินดิจิทัล

ผู้ที่ได้รับสิทธิ

    1. กลุ่มประชากรที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
    2. สัญชาติไทย
    3. มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียน (ก่อน 16 กันยายน 2567)
    4. ไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาทสำหรับปีภาษี 2566 โดยกรมสรรพากรประมวลผลข้อมูลผู้มีรายได้ 7 วัน ก่อนเปิดลงทะเบียนโครงการ
    5. ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) รวมกันเกิน 500,000 บาท โดยตรวจสอบข้อมูลเงินฝาก 6 ประเภท ได้แก่
           (1) เงินฝากกระแสรายวัน
           (2) เงินฝากออมทรัพย์
           (3) เงินฝากประจำ
           (4) บัตรเงินฝาก
           (5) ใบรับฝากเงิน และ
           (6) ผลิตภัณฑ์เงินฝากในชื่อเรียกอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกับของ (1) – (5)
           **ทั้งนี้ เงินฝากดังกล่าวให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 และไม่รวมถึงเงินฝากในบัญชีร่วม
    6. ต้องไม่เป็น
      –  ผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
      –  ผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
      –  ผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ

ผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ

    • ผู้ที่มีเงินฝาก เกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567
    • ผู้ที่มีรายได้ เกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี

คำอธิบายเพิ่มเติม

    • เงินฝากทุกบัญชี รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
    • นับเฉพาะบัญชีเงินฝากอย่างเดียว รวมทุกบัญชีธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
    • นับเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในสกุลเงินบาทเท่านั้น
    • เงินเกษียณ ถ้ามีในบัญชีก็นับรวมด้วย
    • ไม่นับ
      –  กองทุนรวม ,เงินฝากสหกรณ์, สลากออมสิน, สลาก ธ.ก.ส. เพราะตรวจสอบไม่ได้
      –  เงินสดไม่นับ 

สถาบันการเงินเฉพาะกิจ

คือ สถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ได้แก่

    1. ธนาคารออมสิน
    2. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
    3. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
    4. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) (Update 2024-07-22)

กรณีคนเร่ร่อน, กลุ่มชาติพันธุ์, บุคคลมีชื่อในทะเบียนบ้านกลาง

  • คนเร่ร่อน หากมีสัญชาติไทยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ก็สามารถเช้าร่วมโครงการฯ ได้
  • กลุ่มชาติพันธุ์ จากการตรวจสอบเบื้องต้นกลุ่มนี้อาจมีชื่อในทะเบียนบ้าน แต่ไม่ได้มีสัญชาติไทย จึงไม่สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้
  • กลุ่มทะเบียนบ้านกลาง คือ บุคคลที่ย้ายออกและยังไม่ได้เข้าบ้านใหม่ เช่น คนหนีคดี หายสาบสูญ กลุ่มนี้ จึงไม่ได้ถือว่ามีชื่อตามเกณฑ์ของโครงการฯ

การลงทะเบียน/ตรวจผลสิทธิ์/ขอทบทวนสิทธิ์

การใช้เงิน

วิธีการใช้เงิน

  • แอปพลิเคชันในการใช้จ่ายโครงการอย่างเป็นทางการ รอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ และประกาศให้ทราบอีกครั้ง

ระยะเวลาการใช้เงิน

  • กำหนดเริ่มใช้เงินครั้งแรกในเวลา 6 เดือนหลังจากได้รับยอดเงินดิจิทัล โดยระยะสิ้นสุดการใช้เงินของประชาชน (เวลาการใช้จ่าย) 
  • หากไม่ใช้สิทธิครั้งแรกในเวลา 6 เดือนหลังจากได้รับยอดเงินดิจิทัล จะถูกยกเลิกอัตโนมัติ 
  • ไม่สามารถโอนให้ผู้อื่น หรือแลกเป็นเงินได้
  • ทั้งนี้ ให้รอประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

เงื่อนไขการใช้เงิน

แบ่งเป็น 2 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1 : กลุ่มประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็กจนถึงร้านค้าสะดวกซื้อขนาดเล็ก

    • ประชาชนต้องชำระค่าสินค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์บนแอปพลิเคชันของหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้า ที่มีลักษณะเข้าข่ายเป็นร้านค้าขนาดเล็กจนถึงร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าขนาดใหญ่ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น
      • ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก อาทิ 7-Eleven, Tops Daily, Mini Big C, Lotus’s go fresh, CJ เป็นต้น
    • ต้องมีการซื้อ-ขายสินค้ากันจริง
    • เป็นการใช้จ่ายเชิงพื้นที่ในระดับอำเภอ (878 อำเภอ)
      • ทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ/ร้านค้า ต้องอยู่ในอำเภอเดียวกัน 
      • ขณะทำการซื้อ-ขายสินค้า จะต้องอยู่ในเขตอำเภอที่ลงทะเบียนไว้
    • การชำระเงินต้องเป็นแบบพบหน้า (Face to Face)
      • การซื้อ-ขายสินค้า ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องมีการทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้ากันแบบพบหน้า (face-to-face)
      • ไม่มีกระบวนการใด ๆ ในการซื้อขายที่ดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ หรือผ่านคนกลาง ไม่ว่าด้วยวิธีการใด
      • ไม่ให้ทำซ้ำ ส่งต่อหรือวิธีการอื่นใดกับ QR Code ในแอปพลิเคชันของหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมแบบพบหน้าดังกล่าว
    • ประชาชนจะสามารถจะใช้ซื้อสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภคได้เท่านั้น
      • ไม่สามารถใช้กับบริการได้
      • ไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ได้
      • ไม่สามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม และผลิตภัณฑ์จากกัญชาและพืชกระท่อม
      • ไม่สามารถนำไปชำระหนี้ได้
      • ไม่สามารถจ่ายค่าเรียน ค่าเทอม ได้
      • ไม่สามารถนำไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หรือซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติได้
      • ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ แลกเปลี่ยนในตลาดต่างๆ ไม่ได้

กลุ่มที่ 2 : การใช้จ่ายร้านค้ากับร้านค้า

    • ผู้ประกอบการร้านค้าต้องชำระค่าสินค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์บนแอปพลิเคชันของหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าอีกแห่งหนึ่ง
    • ต้องมีการซื้อ-ขายสินค้ากันจริง
    • ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขเชิงพื้นที่และขนาดร้านค้า ใช้จ่ายได้หลายรอบ

สินค้าที่เข้าร่วมโครงการ

    • สินค้าทุกประเภทสามารถใช้จ่ายผ่านโครงการฯ ได้
    • ยกเว้นสินค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ (Negative List) รวมถึงภาคบริการ

กลุ่มสินค้าที่ไม่เข้าร่วมโครงการ

  1. สลากกินแบ่งรัฐบาล
  2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  3. ผลิตภัณฑ์ยาสูบ
  4. กัญชา
  5. กระท่อม
  6. พืชกระท่อม
  7. ผลิตภัณฑ์กัญชาและกระท่อม
  8. บัตรกำนัล
  9. บัตรเงินสด
  10. ทองคำ
  11. เพชร
  12. พลอย
  13. อัญมณี
  14. น้ำมันเชื้อเพลิง
  15. ก๊าซธรรมชาติ
  16. เครื่องใช้ไฟฟ้า
  17. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  18. เครื่องมือสื่อสาร

บริการต่างๆ ที่ไม่เข้าร่วมโครงการ

  • ร้านทำผม ร้านนวด ร้านเสริมสวยไม่สามารถเข้าร่วมได้
  • ในอนาคตอาจเพิ่มรายการใหม่ๆ อีกได้

ร้านค้า

การสมัครร่วมโครงการเติมเงินฯ ของร้านค้าในเบื้องต้น

สำหรับ “ร้านค้า” ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ

    • เปิดให้ทั้งบุคคลธรรมดา นิติบุคคล กองทุนหมู่บ้าน วิสาหกิจชุมชน รวมทั้งสินค้าสำหรับอุปโภคบริโภค เป็นต้น

จำนวนร้านค้าที่คาดว่าจะเข้าร่วมโครงการ

    • กลุ่มนิติบุคคลที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากับกระทรวงพาณิชย์ 910,000 ร้านค้า
    • ร้านธงฟ้า 198,000 ร้านค้า (ยกเว้นร้านธงฟ้าเคลื่อนที่
    • ร้านค้าโชห่วย หาบเร่ แผงลอย ตลาดนัด ต้องขึ้นทะเบียนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย คาดว่า 400,000 ร้านค้า
    • กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรฯ 93,000 ร้านค้า
    • ห้างค้าส่ง ค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งขึ้นทะเบียนกับสมาคมค้าปลีกไทย 50,000 ร้าน
    • ร้านค้าในเครือข่าย ร้านค้าในห้างสรรพสินค้า ซึ่งขึ้นทะเบียนกับสมาคมค้าปลีกไทย 500,000 ร้านค้า

ข้อมูลอื่น ๆ 

    • ไม่สามารถถอนเงินสดได้ทันทีหลังจากที่ประชาชนมีการใช้จ่าย แต่จะสามารถถอนเงินสดได้เมื่อมีการใช้จ่ายรอบที่ 2 เป็นต้นไป  เพื่อลดความเสี่ยงในการทุจริต
    • ซื้อสินค้าได้ทุกร้านค้า ไม่ได้จำกัดแต่ร้านที่อยู่ในระบบภาษี
    • ไม่จำเป็นต้องจด VAT
    • ร้านค้ารถเข็น ร้านโชว์ห่วย ร้านค้าที่อยู่บนแอพเป๋าตัง ใช้ได้หมด แต่ต้องมีการลงทะเบียนรับสิทธิ และร้านค้าที่จะขึ้นเงินได้ต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น

คุณสมบัติร้านค้าที่สามารถถอนเงินสดจากโครงการฯ

1. ต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี ดังนี้

1.1 ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT)
1.2 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax: PIT) เฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร
1.3 ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax: CIT)

เว้นแต่ ร้านค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีตามประมวลรัษฎากร โดยร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีข้างต้นต้องมีการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษี ดังนี้
    • กรณีร้านค้าที่ประกอบกิจการตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป จะต้องเป็น ผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา หรือภาษีเงินได้นิติบุคล หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม ในปี 2565 และ 2566 ติดต่อกัน 2 ปี
    • กรณีร้านค้าที่ประกอบกิจการน้อยกว่า 2 ปี จะต้องเป็นผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา หรือภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม ติดต่อกันตั้งแต่เริ่ม ประกอบกิจการจนถึงปัจจุบัน
    • ร้านค้าใหม่ที่ยังไม่ครบกำหนดยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ในปีภาษีแรกหรือรอบระยะเวลา บัญชีแรกจะพิจารณาจากการยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น

2. ร้านค้าต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์แบบรายเดือนในการลงทะเบียนรับสิทธิ

การลงทะเบียน/ตรวจผลสิทธิ์/ขอทบทวนสิทธิ์​

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ข่าวสารโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet

กฏหมาย/ประกาศ/ข้อกำหนด/เอกสารอื่น ๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง