รัฐบาล เดินหน้าพัฒนาหลักสูตรสูงวัยรู้ทันสื่อ “หยุด คิด ถาม ทำ”

รัฐบาล เดินหน้าพัฒนาหลักสูตรสูงวัยรู้ทันสื่อ “หยุด คิด ถาม ทำ”

        รัฐบาล เดินหน้าพัฒนาหลักสูตรสูงวัยรู้ทันสื่อ “หยุด คิด ถาม ทำ” สร้างภูมิคุ้มกันการรับสื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ ป้องกันผู้สูงวัยตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพหลอกลวง พร้อมต่อยอดขยายผลในโรงเรียนผู้สูงวัย 2,456 แห่งทั่วประเทศ



        วันนี้ (12 มกราคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายต่อการถูกหลอกลวงจากโลกออนไลน์ได้ง่าย ทำให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลตระหนักถึงความจำเป็น เร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้เดินหน้าร่วมกับภาคีเครือข่าย พัฒนาหลักสูตรสูงวัยรู้ทันสื่อ “หยุด คิด ถาม ทำ” รูปแบบออนไซต์ และออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ เสริมเกราะป้องกันผู้สูงวัย รู้เท่าทันสื่ออย่างมีวิจารณญาณ พร้อมเตรียมต่อยอดเป็นหลักสูตรแกนกลางของโรงเรียนผู้สูงวัยทั่วประเทศ

        โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับภาคีเครือข่าย 3 หน่วยงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล กลุ่มคนตัว D บริษัท ทำมาปัน จำกัด และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พัฒนาหลักสูตรสูงวัยรู้ทันสื่อ “หยุด คิด ถาม ทำ” เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับประชาชนในสังคม สร้างการสื่อสารที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพิ่มความปลอดภัยในการใช้ชีวิต การรู้เท่าทัน และเฝ้าระวังสื่อของผู้สูงอายุ พัฒนาสังคมไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ โดยมุ่งเป้าขยายผลหลักสูตรในโรงเรียนผู้สูงวัย 2,456 แห่งทั่วประเทศ สร้างเครือข่ายอาสาสูงวัยรู้ทันสื่อในระดับชุมชน เพื่อเป็นกลไกร่วมเฝ้าระวังสื่อในระดับประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำหนังสือและหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E – book) หลักสูตรสูงวัยรู้ทันสื่อ รวมถึงเว็บไซต์ เพื่อเป็นช่องทางในการเผยแพร่องค์ความรู้ให้กับผู้สูงวัยและประชาชนทั่วไปอีกด้วย

        “นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างครอบคลุม ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ สภาพแวดล้อม และเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยในกลุ่มผู้สูงวัยมีแนวโน้มตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงผ่านสื่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า การพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสม จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญรองรับสังคมผู้สูงวัย สร้างองค์ความรู้ เสริมเกราะป้องกัน ตลอดจนช่วยเสริมสร้างศักยภาพ พัฒนาผู้สูงวัย ให้กลายเป็นผู้สูงวัยที่มีพลังและคุณภาพ (Active Aging)” นายชัย กล่าว

 


ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/77326