สธ. รับฟังข้อมูลราชวิทยาลัยแพทย์ นักวิชาการและเครือข่ายภาคประชาชน หนุนกัญชากลับเป็นยาเสพติด
กระทรวงสาธารณสุข รับฟังข้อมูลพร้อมเอกสารทางวิชาการจากราชวิทยาลัยแพทย์ นักวิชาการและเครือข่ายภาคประชาชน เพื่อสนับสนุนให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด

วันนี้ (1 มิถุนายน 2567) ที่ กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมรับฟังข้อมูลและรับมอบเอกสารทางวิชาการเกี่ยวกับผลกระทบของกัญชา จากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ประกอบด้วย ราชวิทยาลัยจิตแพทย์ฯ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ สมาคมจิตแพทย์ฯ สมาคมกุมารแพทย์ฯ มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด มูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก สถาบันยุวทัศน์ฯ เครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ และประชาชนต้านภัยยาเสพติด และเครือข่ายเยาวชนไม่นะกัญชาและยาเสพติด (YNAC) เพื่อสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดและใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ข้อมูลทางวิชาการที่ได้รับในวันนี้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของกัญชาในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ทั้งในเรื่องของพัฒนาการทางสมอง ความฉลาดทางสติปัญญา (IQ) ลดลง ที่น่ากังวลคือ พบเด็กที่ติดเฮโรฮีนประมาณ ร้อยละ 40 มีจุดเริ่มต้นมาจากการเสพกัญชา นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ที่เสพกัญชาจะมีอาการหลงผิด วิตกกังวล หวาดระแวง เกิดภาพหลอน ซึมเศร้า และมีความคิดฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ขณะที่ข้อมูลของศูนย์ศึกษาปัญหายาเสพติดคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบว่า ในช่วงปี 2562-2564 ก่อนมีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับกัญชา 3.2 – 3.8 พันล้านบาท แต่หลังมีการปลดล็อคค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 -2.1 หมื่นล้านบาท เป็นภาระงบประมาณที่เพิ่มสูงขึ้น 5 – 6 เท่า
“ที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ได้มองให้รอบด้านครอบคลุมถึงความเสียหายทั้งหมด ข้อมูลในวันนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก ช่วยให้กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาตัดสินใจต่อไป สำหรับในส่วนของผู้ที่มีมุมมองต่างจากนี้ หากต้องการที่จะนำเสนอข้อมูล ก็พร้อมที่จะรับฟัง เพื่อให้ได้ข้อมูล ข้อคิดเห็นที่รอบด้าน” นายสมศักดิ์กล่าว
ที่มา : https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/215897/
