สำนักงานกิจการยุติธรรม แนะนำการหย่าตามกฎหมายต้องทำอย่างไร
สำนักงานกิจการยุติธรรม แนะนำการหย่าตามกฎหมายต้องทำอย่างไร
ปัญหาสามีภรรยาทะเลาะกัน หากจัดการปัญหาความขัดแข้งต่างๆ ได้ จะเป็นเรื่องที่ดีและไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง ดังนั้น วิธีที่จะประคองชีวิตคู่ของคุณไม่ให้จบลงด้วยการหย่าร้างหรือแยกทาง ควรตกลงกันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เคลียร์ปัญหาที่ขัดแย้งกันจากสาเหตุของปัญหาเหล่านั้นให้จบโดยดี หากความขัดแย้งอาจจะต้องจบด้วยการหย่าร้าง แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมหรือด้วยเหตุอื่นๆ ดังนั้น ถ้าหากตกลงด้วยการพูดคุยไม่ได้ ก็ลองมาดูทางออกเรื่องการหย่าในทางกฎหมายกันบ้าง โดยคู่สมรสฟ้องหย่าได้ที่ ศาลเยาวชนและครอบครัวตามภูมิลำเนาที่มีชื่อในทะเบียนบ้าน หรือที่เกิดเหตุแห่งการหย่า
การหย่าตามกฎหมาย ทำได้ 2 แบบ คือ
- การหย่าโดยความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย เป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อและมีพยาน โดยนำหนังสือหย่าไปจดทะเบียนหย่า ที่สำนักทะเบียน สำนักงานเขต/อำเภอ พร้อมพยาน เพราะกฎหมายกำหนดว่าเมื่อได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย การหย่า โดยความยินยอมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อสามีและภริยาได้จดทะเบียนการหย่ากันแล้ว (ปพพ. มาตรา 1515)
- การฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้หย่า ในกรณีที่ตกลงกันไม่ได้ เราก็ต้องอาศัยกระบวนการยุติธรรมให้เข้ามาช่วยเหลือ ทั้งนี้ ติดต่อปรึกษากฎหมายสายด่วนยุติธรรม 1111 กด 77 เพื่อขอคำแนะนำเบื้องต้นได้ฟรี
- อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นแบบภริยาหรือสามี
- มีชู้หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นประจำ
- ประพฤติชั่วเป็นความผิดอาญาหรือเป็นเหตุอื่นที่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง (1) อับอายขายหน้าอย่างร้ายแรงถูก(2) ดูถูก เกลียดชัง (3) เสียหายหรือเดือนร้อนเกินสมควร
- ทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาท หรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ง หรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างร้ายแรง
- จงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกิน 1 ปี
- ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และถูกจำคุกเกิน 1 ปี ในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้มีส่วนทำความผิด หรือยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจ และเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียหาย หรือเดือดร้อนเกินสมควร
- สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเกิน 3 ปี
- ถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เกิน 3 ปี ไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
- ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง และทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง เดือดร้อนเกินสมควร
- วิกลจริตเกิน 3 ปี และยากจะหายได้ ทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้
- ผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันแบบสามีหรือภริยา
- เป็นโรคติดต่อร้ายแรง และโรคเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้
- มีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยาไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล
- สิทธิฟ้องหย่าระงับเมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแสดงเจตนาให้อภัย
- สิทธิดูแลลูก ค่าเสียหายที่ได้รับ แบ่งทรัพย์สินและใช้หนี้
- ศาลจะให้เจรจาตกลงกัน
- ศาลชี้ขาดว่าใครมีอำนาจปกครอง (ถ้าตกลงไม่ได้)
- ศาลสอบถามข้อมูล
- เด็ก (ถ้าพูดได้)
- พ่อแม่ให้การกับนักจิตวิทยา
- นักสังคมสงเคราะห์
- พยานคนกลางยืนยันว่าพ่อแม่เลี้ยงลูกลักษณะไหน เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย คนที่อยู่กับเด็กเป็นประจำ
- ศาลพิจารณา “ยึดประโยชน์และความสุขของเด็กเป็นหลัก” ผู้มีอำนาจปกครอง
- พ่อ (สามี)
- แม่ (ภริยา)
- บุคคลภายนอก
ในกรณีเรียกค่าทดแทนหากหย่าตามสาเหตุ ข้อ 1 และ ข้อ 2 ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจาก
- สามีหรือภริยาของตน
- ผู้อื่นที่ได้รับอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หรือเป็นชู้ หรือร่วมประเวณีในกรณีหย่าตามสาเหตุ ข้อ 4 – ข้อ 9 มีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาที่ทำผิดหรือเป็นเหตุให้ฟ้องหย่า
- ฝ่ายที่ฟ้องหย่า ตามสาเหตุ ข้อ 10 และข้อ 12 จ่ายให้คู่สมรสที่วิกลจริตหรือเป็นโรคติดต่อร้ายแรง
- ฝ่ายที่ฟ้องหย่า ตามสาเหตุ ข้อ 1 ถึง ข้อ10 จ่ายให้คู่สมรสที่ยากจนลง หรือไม่มีรายได้จากทรัพย์สิน/งานที่ทำอยู่ระหว่างสมรส เพราะการหย่า (ฝ่ายที่รับค่าเลี้ยงชีพสมรสใหม่สิทธิรับค่าเลี้ยงชีพจะหมดไป)
แบ่ง “สินสมรส” ที่ได้มาระหว่างสมรสเท่าๆ กัน
แบ่ง “หนี้สิน” ที่เกิดขึ้นในระหว่างสมรสเท่าๆ กัน
ที่มา : https://shorturl.asia/k8b7m