การจดทะเบียนสมรส
หลักเกณฑ์ / คุณสมบัติ
- บุคคลทั้งสองจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ แต่ในกรณีมีเหตุอันสมควรศาลอาจอนุญาตให้ทำการสมรสก่อนนั้นได้
- ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือเป็นบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ
- ไม่เป็นเป็นญาติสืบสายโลหิตโดยตรงขึ้นไป หรือลงมา ไม่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดามารดา (ให้ถือตามสายโลหิตไม่คำนึงว่าจะเป็นญาติโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่)
- ไม่เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่น
- ผู้รับบุตรบุญธรรมจะสมรสกับบุตรบุญธรรรมไม่ได้ (หากต้องการจดทะเบียนสมรส ให้ยื่นเรื่อง ยกเลิก บุตรบุญธรรม เสียก่อน)
- หญิงที่ชายผู้เป็นคู่สมรสตาย หรือการสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่น จะสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อสิ้นสุดการสมรสไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่
- คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น
- สมรสกับคู่สมรสเดิม
- บุคคลที่มีอายุไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์ ศาลอาจอนุญาตให้สมรสได้
- มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ได้ตั้งครรภ์
- มีคำสั่งของศาลให้สมรสได้
- ผู้เยาว์จะทำการสมรสต้องได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจให้ความยินยอมตามกฎหมาย
- การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้งสองคนยินยอมเป็นคู่สมรสกัน และต้องแสดงการยินยอมนั้น ให้ปรากฏโดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียน และให้นายทะเบียนบันทึกความยินยอมนั้นไว้ด้วย
เอกสารที่ใช้
คนไทยกับคนไทย
- บัตรประจำตัวประชาชน หรือยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน ThaiD
- พยาน 2 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ (20 ปีบริบูรณ์) แล้ว
- กรณีผู้สมรสมีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์แต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (20 ปีบริบูณ์) ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้มีอำนาจปกครองของผู้เยาว์ไปแสดงด้วย (กรณีผู้มีอำนาจปกครองไม่สามารถไปยินยอมต่อหน้าเจ้าหน้าที่ได้)
- สัญญาก่อนสมรส (ถ้ามี)
คนไทยกับคนต่างชาติ
- คนไทย บัตรประจำตัวประชาชนคนไทย หรือยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน ThaiD
- คนต่างชาติ หนังสือเดินทาง (Passport) และ หนังสือรับรองสถานภาพการสมรส (Certified Marriage Certificate) ที่แสดงว่าไม่มีคู่สมรสในขณะที่จะจดสมรส
- พยาน 2 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ (20ปีบริบูรณ์) แล้ว
- กรณีผู้สมรสมีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์แต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (20 ปีบริบูณ์) ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้มีอำนาจปกครองของผู้เยาว์ไปแสดงด้วย (กรณีผู้มีอำนาจปกครองไม่สามารถไปยินยอมต่อหน้าเจ้าหน้าที่ได้)
- สัญญาก่อนสมรส (ถ้ามี)
- กรณีเอกสารเป็นภาษาต่างประเทศ ต้องแปลเป็นภาษาไทย และผ่านการรับรองนิติกรณ์เอกสาร ตามขั้นตอนของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
คนต่างชาติกับคนต่างชาติ
- หนังสือเดินทาง (Passport) และ หนังสือรับรองสถานภาพการสมรส (Certified Marriage Certificate) ที่แสดงว่าไม่มีคู่สมรสในขณะที่จะจดสมรส
- พยาน 2 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ (20ปีบริบูรณ์) แล้ว
- กรณีผู้สมรสมีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์แต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (20 ปีบริบูณ์) ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้มีอำนาจปกครองของผู้เยาว์ไปแสดงด้วย (กรณีผู้มีอำนาจปกครองไม่สามารถไปยินยอมต่อหน้าเจ้าหน้าที่ได้)
- สัญญาก่อนสมรส (ถ้ามี)
- กรณีเอกสารเป็นภาษาต่างประเทศ ต้องแปลเป็นภาษาไทย และผ่านการรับรองนิติกรณ์เอกสาร ตามขั้นตอนของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
ขั้นตอนการดำเนินงาน
- การจดทะเบียนสมรส สามารถยื่นคำร้องขอจดทะเบียนได้ทุกแห่ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงภูมิลำเนาของคู่สมรส
- คู่สมรสยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสต่อเจ้าหน้าที่หรือนายทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอหรือสำนักทะเบียนเขตใดก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงภูมิลำเนาของคู่สมรส
- คู่สมรสที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องนำบิดาและมารดาหรือผู้ปกครองโดยชอบธรรมมาให้ความยินยอม
- คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่าย เป็นคนต่างด้าว ต้องขอหนังสือรับรองสถานภาพบุคคลจากสถานทูต หรือกงสุลสัญชาติที่ตนสังกัด หนังสือรับรองนั้น ต้องแปลเป็นภาษาไทยและมีคำรับรองการแปลถูกต้อง ยื่นพร้อมคำร้องขอจดทะเบียนสมรสต่อนายทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอหรือสำนักงานเขต
ขั้นตอนในการจดทะเบียนสมรส
- รับเรื่องลงชื่อในคำร้องขอจดทะเบียนและบันทึกทะเบียนครอบครัว (แบบ คร.1)
- นายทะเบียนตรวจสอบหลักฐานหรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง
- นายทะเบียนตรวจสอบคุณสมบัติ
- นายทะเบียนสอบปากคำตามแบบบันทึกถ้อยคำ (แบบ ปค.14 เฉพาะชาวต่างชาติ)
- ลงรายการในทะเบียนสมรส (แบบ คร.2) และ ใบสำคัญการสมรส (แบบ คร.3)
- นายทะเบียนมอบใบสำคัญการสมรส (แบบ คร.3) ให้แก่คู่สมรสฝ่ายละ 1 ฉบับ
ค่าธรรมเนียม
- การจดทะเบียนสมรส ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขต ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสมรส
- การจดทะเบียนสมรสนอกสถานที่ ต้องเสียค่าธรรมเนียม 200 บาท และจัดยานพาหนะรับส่งให้กับนายทะเบียน
สถานที่ติดต่อ
- ที่ว่าการอำเภอ
- สำนักงานเขต
- สถานทูต/กงสุลไทยในต่างประเทศทุกแห่ง (ที่มีเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนให้บริการ)
- หมายเหตุ : ยื่นคำร้องได้ทุกแห่ง ไม่ต้องคำนึงถึงภูมิลำเนาของคู่สมรส
สิทธิที่จะเกิดจากการจดทะเบียนสมรส
- ภรรยามีสิทธิเรียกค่าเลี้ยงดูจากสามีได้ เพราะกฎหมายบอกว่า สามีภรรยาต้องดูแลกันและกัน หากสามีไม่ดูแล ภรรยาจึงฟ้องเรียกค่าดูแลได้ ในทางกลับกัน ถ้าภรรยามีฐานะดีกว่าแล้วไม่ดูแลสามี สามีก็เรียกค่าดูแลได้เช่นเดียวกัน
- มีสิทธิรับมรดกได้ตามกฎหมาย
- มีสิทธิเรียกเงินค่าหย่า(ค่าทดแทน)ได้ เพราะการหย่าต้องเกิดจากการสมัครใจทั้ง 2 ฝ่าย หากภรรยาไม่อยากหย่า สามีก็ไม่อาจหย่าโดยความสมัครใจได้ จะต้องไปฟ้องศาล โดยสามีอาจจะต้องจ่ายเงินค่าหย่าให้กับภรรยา
- มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชายหรือหญิงอื่นที่มายุ่งกับคู่สมรสของตนได้ โดยไม่จำเป็นต้องหย่า หรือถ้าอยากจะหย่า ก็สามารถใช้เหตุนอกใจนี้เป็นเหตุฟ้องหย่าได้เช่นเดียวกัน
- มีสิทธิในการจัดการสินสมรส เช่น การกู้ยืมเงิน จะต้องให้รับความยินยอมจากคู่สมรสก่อน
- หากฝ่ายใดเป็นต่างชาติ มีสิทธิขอสัญชาติไทยได้
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
หน่วยงานที่รับผิดชอบ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ที่มา
Post Views: 7,970