โครงการปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง

Update ยกเลิกโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง

  • การประชุมอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (ครั้งที่ 1/2567) ยกเลิกโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง
  • ปรับเป็น “โครงการช่วยค่าเก็บเกี่ยว” อัตรา: ไร่ละ 500 บาท, ไม่เกิน 20 ไร่/ครัวเรือน
  • อ่านเพิ่มเติม

ความเป็นมาของโครงการ

       โครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง) เป็นโครงการฯ ที่ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายปัจจัยการผลิตในการลดต้นทุนการผลิตข้าวแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 โดยการสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลในการ เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ผู้ปลูกข้าวเป็น 3 เท่าในระยะเวลา 4 ปี ที่จะสนับสนุนการลดต้นทุนค่าปุ๋ยให้เกษตรกร ด้วยการที่รัฐบาลจ่ายให้ครึ่งหนึ่ง ไม่เกินไร่ละ 500 บาท ต่อครัวเรือน ไม่เกิน 20 ไร่

ระยะเวลาเข้าร่วมโครงการ

  • วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 – 31 พฤษภาคม 2568

คุณสมบัติ

  • เกษตรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2567/68 กับกรมส่งเสริมการเกษตร
  • ลูกค้า ธ.ก.ส. ที่เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ตามปกติ

สิทธิประโยชน์

  • รัฐช่วยจ่ายค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์ครึ่งหนึ่งและเกษตรกรจ่ายครึ่งหนึ่ง
  • โดยสนับสนุนปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และชีวภัณฑ์ไม่เกินไร่ละ 500 บาท ต่อครัวเรือน และไม่เกิน 20 ไร่ (ไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม)

วิธีการเข้าร่วมโครงการฯ ของเกษตรกร

  1. เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 ที่ขึ้นทะบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร
  2. เกษตรกรแจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิตามระบบข้อมูลโครงการฯ ผ่าน Application ของ ธ.ก.ส. BAAC Mobile ดาวน์โหลดได้ที่ Google play , App store  และ เว็บไซต์ ธ.ก.ส. 
  3. ระบุปุ๋ยสูตรที่เข้าร่วมโครงการ ฯ
  4. เกษตรกรชำระเงินสมทบค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์ตามที่แจ้งความประสงค์ผ่าน Application (รัฐช่วยจ่ายค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์ครึ่งหนึ่งและเกษตรกรจ่ายครึ่งหนึ่ง) โดยเกษตรกรต้องมีบัญชีกับ ธ.ก.ส. และมีเงินในบัญชีเพียงพอตามที่แจ้งความประสงค์

ดาวน์โหลด Application ของ ธ.ก.ส. BAAC Mobile

การรับปุ๋ยและชีวภัณฑ์

  • เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสามารถรับปุ๋ยและสารชีวภัณฑ์ได้ที่ สหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ ภายใน 30 วันหลัง จากการชำระเงินสมทบ
  • สามารถใช้สิทธิ์ได้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เท่านั้น

ปุ๋ยที่ขึ้นทะเบียนสำหรับนาข้าวภายใต้โครงการฯ

เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ เลือกรับการสนับสนุนปุ๋ยที่ขึ้นทะเบียนสำหรับนาข้าวจำนวน 16 รายการ ดังนี้

    1. ปุ๋ยสูตร 25-7-14
    2. ปุ๋ยสูตร 20-8-20
    3. ปุ๋ยสูตร 20-10-12
    4. ปุ๋ยสูตร 30-3-3
    5. ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0
    6. ปุ๋ยสูตร 18-12-6
    7. ปุ๋ยสูตร 16-8-8
    8. ปุ๋ยสูตร 16-12-8
    9. ปุ๋ยสูตร 16-16-8
    10. ปุ๋ยสูตร 16-20-0
    11. ปุ๋ยสูตร 20-20-0
    12. ปุ๋ยสูตร 15-15-15
    13. ปุ๋ยสูตร 16-16-16
    14.  ปุ๋ยสูตร 13-13-24
    15. ปุ๋ยอินทรีย์ที่ขึ้นบัญชีนวัตกรรม หรือ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนปุ๋ยอินทรีย์
    16. ชีวภัณฑ์ที่ได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย

ขั้นตอนการดำเนินงานโครงการฯ

  1. กรมส่งเสริมการเกษตรขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68
  2. กรมการข้าวประกาศรับสมัครคัดเลือกผู้ประกอบกิจการปุ๋ยและชีวภัณฑ์ในประเทศ ทำข้อตกลงกับผู้ประกอบกิจการปุ๋ยและชีวภัณฑ์จำหน่ายแต่ละสูตรปุ๋ย ราคาเดียวกัน ไม่เกินราคาควบคุม ราคาจำหน่ายชีวภัณฑ์ตามราคาควบคุมและกรมการข้าว โดยคณะทำงานกำหนดราคาควบคุมปุ๋ยและชีวภัณฑ์ของโครงการฯ เป็นผู้พิจารณาราคาปุ๋ย โดยอ้างอิงจากราคาท้องตลาดราคาหน้าโรงงาน และราคาขายปลีก
  3. กรมส่งเสริมสหกรณ์รับสมัครคัดเลือกสหกรณ์การเกษตรเข้าร่วมโครงการฯ
  4. สหกรณ์การเกษตรเลือกผู้ประกอบกิจการปุ๋ยและชีวภัณฑ์ที่กรมการข้าวคัดเลือกไว้ให้เป็นผู้จัดหาปุ๋ยและชีวภัณฑ์
  5. ธ.ก.ส. กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าว พัฒนาระบบข้อมูลโครงการ Application
  6. เกษตรกรผู้ปลูกข้าวขอใช้สิทธิตามระบบข้อมูลโครงการฯ ผ่าน Application ของ ธ.ก.ส.
  7. เกษตรกรชำระเงินสมทบค่าปุ๋ยและวภัณฑ์ตามที่แจ้งความประสงค์
  8. สหกรณ์การเกษตรตรวจสอบการใช้สิทธิผ่าน Application เพื่อดูข้อมูลความต้องการปุ๋ยและชีวภัณฑ์ ปริมาณ สูตร และวัน เวลาการรับปุ๋ยและชีวภัณฑ์และแจ้งผู้ประกอบกิจการปุ๋ยและชีวภัณฑ์
  9. ผู้ประกอบกิจการปุ๋ยและชีวภัณฑ์ส่งปุ๋ยและชีวภัณฑ์ให้สหกรณ์การเกษตรเพื่อให้สหกรณ์การเกษตรส่งต่อปุ๋ยและชีวภัณฑ์ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ณ สถานที่ และเวลาตามแผนการส่งมอบปุ๋ยและชีวภัณฑ์
  10. กรมวิชาการเกษตรตรวจสอบคุณภาพปุ๋ยและชีวภัณฑ์ตามโครงการของแต่ละผู้ประกอบกิจการที่เข้าร่วมโครงการ
  11. เกษตรกรผู้ปลูกข้าวรับปุ๋ยและชีวภัณฑ์ ณ จุดส่งมอบ ภายในระยะเวลาตามแผนส่งมอบปุ๋ยและชีวภัณฑ์
  12. สหกรณ์การเกษตรสรุปข้อมูลการกระจายปุ๋ยและชีวภัณฑ์ของเกษตรกรผ่านระบบ และตรวจสอบวงเงินค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์แจ้ง ธ.ก.ส.
  13. ธ.ก.ส. จ่ายเงินให้สหกรณ์การเกษตร และสหกรณ์การเกษตรจ่ายเงินให้ผู้ประกอบกิจการปุ๋ยและชีวภัณฑ์

การจัดหาผู้ประกอบการและสหกรณ์การเกษตรเข้าร่วมโครงการ ฯ

การรับสมัครสหกรณ์การเกษตรเป็นจุดกระจายปุ๋ยและชีวภัณฑ์

       กรมส่งเสริมสหกรณ์ รับสมัครสหกรณ์การเกษตร เป็นจุดกระจายปุ๋ยและชีวภัณฑ์

คุณสมบัติ

    • สหกรณ์การเกษตรต้องเป็นผู้รับอนุญาตขายปุ๋ยและใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย

ค้นหาข้อมูลสหกรณ์การเกษตร

การรับสมัครผู้ประกอบกิจการปุ๋ยและชีวภัณฑ์

       กรมการข้าว ประกาศรับสมัครและคัดเลือกผู้ประกอบกิจการปุ๋ย และชีวภัณฑ์ ตามคุณสมบัติเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ และส่งรายชื่อผู้ประกอบการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์

คุณสมบัติและเอกสารหลักฐานของผู้ประกอบกิจการปุ๋ยที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ

    • ต้องเป็นผู้ผลิตปุ๋ย หรือผู้นําเข้าปุ๋ย ที่ได้รับใบอนุญาตผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้า หรือใบอนุญาตผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อ การค้า หรือเป็นผู้นําเข้าปุ๋ยที่ได้รับใบอนุญาตนําเข้า แล้วแต่กรณี
    • ปุ๋ยที่เข้าร่วมโครงการต้องได้รับหนังสือสําคัญรับแจ้งปุ๋ยเคมีมาตรฐาน หรือใบสําคัญการขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี สําหรับใช้ในนาข้าวตามสูตรปุ๋ยที่โครงการกําหนด หรือ ใบสําคัญการขึ้นทะเบียนปุ๋ยอินทรีย์ แล้วแต่กรณี
    • ต้องจัดส่งรายงานผลการวิเคราะห์ปุ๋ยรุ่นที่จัดส่งในโครงการ โดยต้องวิเคราะห์คุณภาพปุ๋ย ณ ห้องปฏิบัติการที่โครงการกําหนด

คุณสมบัติและเอกสารหลักฐานผู้ประกอบกิจการชีวภัณฑ์ที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ

    • ต้องเป็นผู้ผลิตในประเทศที่ได้รับใบอนุญาตผลิตวัตถุอันตราย
    • ชีวภัณฑ์ต้องได้รับใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย
    • ต้องจัดส่งรายงานผลการวิเคราะห์ชีวภัณฑ์ รุ่นที่จัดส่งในโครงการโดยต้องวิเคราะห์คุณภาพชีวภัณฑ์ ณ ห้องปฏิบัติการที่โครงการกําหนด

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

  1. เกษตรกรผู้ปลูกข้าวประมาณ 4.68 ล้านครัวเรือน สามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวได้ร้อยละ 10 ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และมีอำนาจในการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเกษตรกรและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
  2. เกษตรกรผู้ปลูกข้าวประมาณ 4.68 ล้านครัวเรือน สามารถเข้าถึงปุ๋ยคุณภาพในราคาถูก สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว และยกระดับคุณภาพข้าวเพื่อตอนบสนองความต้องการของตลาด
  3. การใช้จ่ายในการซื้อปัจจัยการผลิต ทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเกิดการหมุนเวียน และสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐในการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกช้าวตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (โครงการไร่ละ 1,000 บาท) ได้ถึงปีละ 24,320 ล้านบาท (เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้งบประมาณช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีละ 54,300 ล้านบาท-29,980 ล้านบาท)

สอบถามเพิ่มเติม

หากสนใจเข้าร่วมโครงการฯ /ติดตามความคืบหน้าและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่