กรมควบคุมมลพิษ เปิดเผย ศาลสั่งโรงงาน ชดใช้กรณีปล่อยสารเคมีปนเปื้อนซึมผ่านชั้นน้ำใต้ดิน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ได้ยื่นฟ้องบริษัท ทีเอชเอช โมลีโพเซสซิ่ง จำกัด กับพวกรวม 3 คน ต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเรียกค่าเสียหาย เป็นเงินจำนวน 2,265,407,788.28 บาท กรณีปล่อยสารเคมีปนเปื้อนซึมผ่านชั้นน้ำใต้ดิน ลงสู่อ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำโจนแห่งที่ 16
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ได้ยื่นฟ้องบริษัท ทีเอชเอช โมลีโพเซสซิ่ง จำกัด กับพวกรวม 3 คน ต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเรียกค่าเสียหาย เป็นเงินจำนวน 2,265,407,788.28 บาท
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เวลา 9.45 น. ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีคำพิพากษาสรุปสาระสำคัญได้ว่า การผลิตของบริษัทฯ ทำให้เกิดของเสียเป็นสารเคมีปนเปื้อน ซึมผ่านชั้นน้ำใต้ดิน ลงไปสู่อ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำโจนแห่งที่ 16 ซึ่งเป็นน้ำเพื่อการชลประทาน ทำให้น้ำและดินในอ่างเก็บน้ำปนเปื้อนสารเคมีเป็นมลพิษ โรงงานของบริษัทฯ จึงเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่ก่อให้เกิดการรั่วไหลหรือแพร่กระจายของมลพิษ ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของรัฐ บริษัทฯ ซึ่งเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษ จึงมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหาย ไม่ว่าการรั่วไหลหรือแพร่กระจายของมลพิษนั้นจะเกิดจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายสูญหายหรือเสียหายไป ตามมาตรา 96 และ 97 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
ทั้งนี้ จำเลยที่ 2 และ 3 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน มีหน้าที่โดยตรงในการกระทำแทนบริษัทฯ แต่ไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามภาระหน้าที่ จึงต้องร่วมรับผิดกับบริษัทฯ ด้วย โดยพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสี่ เป็นเงินจำนวน 1,770,976,839.82 บาท ดังนี้ โจทก์ที่ 1 (กรมควบคุมมลพิษ) จำนวน 851,537,621.20 บาท โจทก์ที่ 2 (กรมทรัพยากรน้ำบาดาล) จำนวน 553,308,530.62 บาท โจทก์ที่ 3 (กรมชลประทาน) จำนวน 365,631,558 บาท และโจทก์ที่ 4 (สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) จำนวน 499,130 บาท พร้อมดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด คู่กรณีสามารถอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลจังหวัดฉะเชิงเทราได้ภายในกำหนด 1 เดือน ซึ่งหากคดีนี้ไม่มีการยื่นอุทธรณ์และคดีถึงที่สุดแล้ว กรมควบคุมมลพิษจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการบังคับคดี เพื่อนำเงินมาใช้ในการดำเนินการฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามคำพิพากษาของศาลต่อไป
การฟ้องคดีดังกล่าวมาจากกรณีชาวบ้านร้องเรียนปัญหาน้ำในอ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำโจนแห่งที่ 16 พื้นที่ ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ที่มีกลิ่นเหม็นสนิม ใช้งานแล้วคันตัวและไม่สามารถนำไปใช้กับพืชผลการเกษตรได้ และจากรายงานผลการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนจากศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 (ชลบุรี) กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมชลประทาน และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา ระหว่างวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 – วันที่ 4 เมษายน 2564 พบว่า การประกอบกิจการโรงงานของบริษัท ที เอช เอช โมลีโพรเซสซิ่ง จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่สวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค 2 หมู่ที่ 3 ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคราม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นแหล่งกำเนิด มลพิษที่ก่อให้เกิดการรั่วไหลหรือแพร่กระจายลงสู่ชั้นใต้ดินจนส่งผลกระทบต่อน้ำใต้ดินและไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำโจนแห่งที่ 16 โดยผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำใต้ดินภายในโรงงานของบริษัท ที เอช เอช โมลีโพรเซสซิ่ง จำกัด มีความสัมพันธ์สอดคล้องกับคุณสมบัติทางเคมีของน้ำในอ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำโจนแห่งที่ 16 ที่เกิดการปนเปื้อนกากของเสียอุตสาหกรรม
ที่มา : https://citly.me/CXc9T