สิทธิในการหักลดหย่อน
หลักเกณฑ์และเงื่อนไข
- ให้ใช้สิทธิหักลดหย่อนสำหรับการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามวิธีที่ 1 เท่านั้น และให้ใช้สิทธิหักลดหย่อนต่อปี
การหักลดหย่อนส่วนบุคคล
1. ผู้มีเงินได้
- บุคคลธรรมดาทั่วไป หักลดหย่อนได้ 60,000 บาท
- ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคล หักลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 120,000 บาท (หักได้เฉพาะหุ้นส่วนที่เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น
- กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง หักลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท
- ผู้เสียชีวิตในระหว่างปีภาษี หักลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท (สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนคู่สมรส บุตร และกรณีอื่นๆ ได้ สำหรับปีภาษีที่เสียชีวิต)
2. คู่สมรส
- กรณีภริยามีเงินได้ แต่สามีไม่มีเงินได้ ให้ภริยาหักลดหย่อนฐานะผู้มีเงินได้ 60,000 บาทและหักลดหย่อนสามีได้อีก 60,000 บาท รวมเป็น 120,000 บาท และในการยื่นแบบให้แจ้งสถานะคู่สมรสไม่มีเงินได้
- กรณีภริยามีเงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝาก โดยได้เสียภาษีไว้แล้วร้อยละ 15 และประสงค์จะนำเงินดังกล่าวมารวมคำนวณภาษีกับสามี โดยสามีเลือกที่จะไม่นำเงินได้ดอกเบี้ยดังกล่าวมารวมคำนวณกับเงินได้อื่น สามีสามารถนำภริยามาหักลดหย่อนในฐานะคู่สมรสของผู้มีเงินได้จำนวน 60,000 บาท
- กรณีภริยามีเงินได้จากเงินปันผล โดยได้เสียภาษีไว้แล้วร้อยละ 10 และประสงค์จะนำเงินดังกล่าวมารวมคำนวณภาษีกับสามี โดยสามีเลือกที่จะไม่นำเงินเงินปันผลดังกล่าวมารวมคำนวณกับเงินได้อื่น สามีสามารถนำภริยามาหักลดหย่อนในฐานะคู่สมรสของผู้มีเงินได้จำนวน 60,000 บาท
- กรณีสามีภริยามิได้จดทะเบียนสมรสถือว่าสถานภาพในการยื่นแบบแสดงรายการ “โสด”ไม่สามารถหักลดหย่อนคู่สมรส
- หมายเหตุ กรณีผู้มีเงินได้ เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย (อยู่ในประเทศไทยครบ 180 วันขี้นไป) สามารถหักลดหย่อนคู่สมรสที่เป็นผู้อยู่ในประเทศ หรืออยู่ต่างประเทศได้ทั้ง 2 กรณี หรือ กรณีผู้มีเงินได้ มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย (อยู่ในประเทศไทยไม่ครบ 180 วัน) สามารถหักลดหย่อนเฉพาะคู่สมรสที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น
3. บุตรผู้มีเงินได้
(ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร) หักลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้
- บุตรที่มีสิทธิหักลดหย่อนได้แก่ บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้มีเงินได้หรือของคู่สมรส และบุตรบุญธรรมของผู้มีเงินได้ โดยมีเงื่อนไขดังนี้
- เป็นผู้เยาว์
- อายุไม่ถึง 20 ปี (มาตรา 19 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) หรือ
- ยังไม่บรรลุนิติภาวะโดยการสมรส (มาตรา 20 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) หรือ
- มีอายุไม่เกิน 25 ปี และยังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย หรือ ชั้นอุดมศึกษา (ระดับอนุปริญญาขึ้นไป) รวมถึงการศึกษาในหลักสูตรเนติบัณฑิต หรือ
- บุตรที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ และ
- ไม่มีเงินได้พึงประเมิน ไม่รวมเงินได้ที่ได้รับยกเว้น ตามมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากร ในปีภาษีที่หักลดหย่อนถึง 30,000 บาท และต้องอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีเงินได้
- เป็นผู้เยาว์
- จำนวนเงินที่มีสิทธิหักลดหย่อน
- บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้มีเงินได้ หรือบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ คนละ 30,000 บาท
- บุตรบุญธรรมของผู้มีเงินได้ คนละ 30,000 บาท แต่รวมกันต้องไม่เกิน 3 คน
- หมายเหตุ การหักลดหย่อนบุตรตาม (1) และ (2) ให้หักลดหย่อนโดยไม่มีค่าการศึกษาอีก เนื่องจากถูกยกเลิกโดยมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 44) พ.ศ. 2560
- จำนวนบุตรที่มีสิทธิหักลดหย่อน
ในกรณีผู้มีเงินได้มีทั้งบุตรชอบด้วยกฎหมายและบุตรบุญธรรม ให้นำบุตรชอบด้วยกฎหมายทั้งหมดมาหักก่อน แล้วจึงนำบุตรบุญธรรมมาหัก เว้นแต่
- ในกรณีผู้มีเงินได้มีบุตรชอบด้วยกฎหมายที่มีชีวิตอยู่รวมเป็นจำนวนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จะนำบุตรบุญธรรมมาหักไม่ได้
- แต่ถ้าบุตรชอบด้วยกฎหมายมีจำนวนไม่ถึง 3 คน ให้นำบุตรบุญธรรมมาหักได้ โดยเมื่อรวมกับบุตรชอบด้วยกฎหมายแล้วต้องไม่เกิน 3 คน
- การนับจำนวนบุตร
- ให้นับเฉพาะบุตรที่มีชีวิตอยู่ตามลำดับอายุมากน้อยเรียงกันไป โดยให้นับรวมทั้งบุตรที่ไม่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการลดหย่อน (บรรลุนิติภาวะ) ด้วย (บุตรฝาแฝดที่คลอดออกมาก่อนถือเป็นบุตรที่มีอายุสูงกว่า)
- ให้หักลดหย่อนได้ตลอดปีภาษี ไม่ว่ากรณีจะหักได้นั้นจะมีอยู่ตลอดปีภาษีหรือไม่
- กรณีผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย ให้หักลดหย่อนได้เฉพาะบุตรที่อยู่ในประเทศไทย
- กรณีบุตรบุญธรรมต้องได้รับการจดทะเบียนรับรองเป็นบุตรบุญธรรม โดยผู้ที่จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมจะเป็นผู้มีสิทธิหักลดหย่อน โดยเริ่มหักได้ตั้งแต่ปีภาษีที่จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม ส่วนบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมายเดิมของบุตรคนนั้น ไม่สามารถหักลดหย่อนได้อีก
- บุตรที่มีสิทธิหักลดหย่อนได้แก่ บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้มีเงินได้หรือของคู่สมรส และบุตรบุญธรรมของผู้มีเงินได้ โดยมีเงื่อนไขดังนี้
หลักเกณฑ์การลดหย่อนบุตรคนที่สอง
- เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
- เป็นบุตรตั้งแต่คนที่ 2 เป็นต้นไปและเกิดในหรือหลังปี พ.ศ. 2561
- หักลดหย่อนเพิ่มอีกคนละ 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท
- การนับลำดับบุตร นับลำดับของบุตรทุกคนไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม
บุตรคนที่ 1 | บุตรคนที่ 2 | บุตรคนที่ 3 | |
เกิดก่อนปี 2561 | 30,000 | 30,000 | 30,000 |
เกิดในปี 2561 | 30,000 + ค่าฝากครรภ์ และคลอดบุตร | 60,000 + ค่าฝากครรภ์ และคลอดบุตร | 60,000 + ค่าฝากครรภ์ และคลอดบุตร |
เกิดหลังปี 2561 | 30,000 + ค่าฝากครรภ์ และคลอดบุตร | 60,000 + ค่าฝากครรภ์ และคลอดบุตร | 60,000 + ค่าฝากครรภ์ และคลอดบุตร |
หลักเกณฑ์การหักลดหย่อน ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร
- เงินที่ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสได้จ่ายค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร เช่น ค่าตรวจและรับฝากครรภ์ ค่าบำบัดทางการแพทย์ ค่ายา ค่าทำคลอด เป็นต้น
- จ่ายให้แก่สถานพยาบาลของทางราชการ หรือของเอกชน
- ตามจำนวนที่จ่ายจริงในแต่ละปีภาษี สำหรับการตั้งครรภ์แต่ละคราว ไม่เกิน 60,000 บาท
- ใช้บังคับตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป
- ต้องมีเอกสารมาแสดง ได้แก่ ใบรับรองแพทย์ที่แสดงความเห็นว่ามีภาวะตั้งครรภ์ และใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานอื่นใดที่ได้จ่ายให้แก่สถานพยาบาล
- ต้องรวมกับสิทธิการเบิกค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร ซึ่งเป็นสวัสดิการจากภาครัฐหรือภาคเอกชนสำหรับการตั้งครรภ์แต่ละคราวแล้ว ไม่เกิน 60,000 บาท
- ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 331)
หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง
Post Views: 3,037