มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567

มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567

บทความที่เกี่ยวข้อง

มาตรการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย

หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีจ่ายเงินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567

หลักเกณฑ์การจ่ายเงิน

    • ช่วยเหลือเยียวยากรณีอุทกภัยที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยในช่วงฤดูฝน ซึ่งเกิดสถานการณ์ขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นมา
    • โดยเป็นอุทกภัยทั้งในกรณีน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงผลกระทบจากการระบายน้ำจนส่งผลกระทบให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ และจังหวัดได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและ/หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
    • โดยจากการสำรวจข้อมูลครัวเรือนเบื้องต้นขณะนี้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 57 จังหวัด

การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 

    • ช่วยเหลือแบบเหมาจ่าย อัตราเดียว ครัวเรือนละ 9,000 บาท
      (อัพเดท 8 ต.ค. 67 อ่านเพิ่มเติม)

เงื่อนไขการจ่ายเงิน

    1. ต้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัยประจำในพื้นที่ที่ได้มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและ/หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดย
      • ต้องมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกให้ (ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 มาตรา 30)
      • จะต้องผ่านการประชาคมหมู่บ้านของแต่ละพื้นที่ประสบสาธารณภัย
      • จะต้องผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจาก
        พื้นที่กรุงเทพมหานคร ต้องผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากสำนักงานเขตและกรุงเทพมหานคร
        ต่างจังหวัด ต้องผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) 
    2. กรณีที่ประสบภัยหลายครั้ง จะได้รับความช่วยเหลือเพียงครั้งเดียว

เอกสารที่ใช้ยื่นเป็นหลักฐานในการขอรับเงินช่วยเหลือ

    • บัตรประจำตัวประชาชน
    • พร้อมด้วยหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่
      • กรณีที่พักอาศัยมีทะเบียนบ้าน – สำเนาทะเบียนบ้าน
      • กรณีเป็นบ้านเช่า – สัญญาเช่าบ้านหรือหนังสือรับรองการเช่าจาก อปท.
      • กรณีอื่น ๆ อาทิ
        บ้านพักอาศัยประจำแต่ไม่มีทะเบียนบ้าน – หนังสือรับรองบ้านไม่มีเลขที่ โดยร้องขอให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริการท้องถิ่น ร่วมกับผู้นำชุมชน ตรวจสอบข้อเท็จจริง และลงนามร่วมกันอย่างน้อย 2 ใน 3 

ช่องทางการยื่นคำร้อง

ช่องทางการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือ ฯ มี 2 ช่องทาง

    1. แบบ Onsite

      • ผู้ประสบอุทกภัยในยื่นคำร้องด้วยตนเอง
        • กรุงเทพมหานคร ยื่นได้ที่สำนักงานเขตพื้นที่ที่ประสบภัย
        • ต่างจังหวัด ยื่นได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย
      • ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
      • ดาวน์โหลดแบบคำร้อง ได้ที่  https://flood67.disaster.go.th/Dashboard/BoardHelpRegister
    2. แบบ Online

      • ยื่นคำร้องและติดตามสถานะผ่านเว็บไซต์ https://flood67.disaster.go.th/
      • ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2567 เป็นต้นไป

วิธีการจ่ายเงิน

    • โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารผ่านระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) ที่ผูกกับหมายเลขบัตรประชาชน
    • ประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคาร สามารถไปลงทะเบียนพร้อมเพย์ได้ทุกธนาคาร ตามช่องทางที่ธนาคารกำหนด โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก

สอบถามเพิ่มเติม

    • สอบถามข้อมูลเรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการได้รับความช่วยเหลือ แนวทางและขั้นตอนการจ่ายเงินช่วยเหลือ
        • กองช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปภ. หมายเลขโทรศัพท์ 0-2637-3508 – 10,12
        • 089-600-6777 และ 084-874-7387
    • สอบถามเรื่องการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือผ่านระบบออนไลน์ https://flood67.disaster.go.th หรือพบปัญหาในการใช้งาน
        • ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปภ.
          หมายเลข 0-2637-3604-06 และ 089-968-1232

ค่าล้างโคลนในพื้นที่ประสบอุทกภัย

    • หลังคาเรือนละ 10,000 บาท
    • ปภ.จะไปสำรวจและจ่ายเงินค่าล้างโคลนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ให้กับเจ้าของบ้านต้องล้างเอง หรือจ้างคนมาล้าง ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ที่จังหวัดเชียงราย
    • หากมีเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครเข้าไปช่วยล้างโคลนจะไม่ได้รับเงิน 
    • เงินจำนวนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเงินเยียวยา 9,000 บาทต่อครัวเรือน

ค่าซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย

รัฐบาลมีเงินอุดหนุนโดยคิดตามสภาพความเสียหาย แบ่ง 3 ระดับ คือ

    1. เสียหายน้อยกว่า 30% ได้รับเงินช่วยเหลือไม่เกิน 15,000 บาท
    2. เสียหายอยู่ที่ระดับ 30-70% ได้รับเงินช่วยเหลือไม่เกิน 70,000 บาท
    3. เสียหายเกิน 70% ขึ้นไป ได้รับเงินช่วยเหลือไม่เกิน 230,000 บาท

พื้นที่ได้รับผลกระทบ/พื้นที่ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย/พื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 57 จังหวัด

     ข้อมูล ณ วันที่ 17 ก.ย. 67  โปรดดูรายละเอียดจากประกาศของจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่อีกครั้ง

  • กระบี่
  • กาญจนบุรี
  • กาฬสินธุ์
  • กำแพงเพชร
  • ขอนแก่น
  • จันทบุรี
  • ฉะเชิงเทรา
  • ชัยภูมิ
  • ชลบุรี
  • เชียงราย
  • เชียงใหม่
  • ตรัง
  • ตราด
  • ตาก
  • นนทบุรี
  • นครนายก
  • นครปฐม
  • นครพนม
  • นครสวรรค์
  • นครราชสีมา
  • นครศรีธรรมราช
  • น่าน
  • บึงกาฬ
  • ปราจีนบุรี
  • พระนครศรีอยุธยา
  • พังงา
  • พะเยา
  • พิจิตร
  • พิษณุโลก
  • เพชรบูรณ์
  • แพร่
  • ภูเก็ต
  • มหาสารคาม
  • มุกดาหาร
  • แม่ฮ่องสอน
  • ยะลา
  • ระยอง
  • ราชบุรี
  • ร้อยเอ็ด
  • ลำปาง
  • ลำพูน
  • เลย
  • ศรีสะเกษ
  • สกลนคร
  • สตูล
  • สระแก้ว
  • สระบุรี
  • สุโขทัย
  • สุพรรณบุรี
  • สุราษฎร์ธานี
  • หนองคาย
  • หนองบัวลำภู
  • อ่างทอง
  • อุทัยธานี
  • อุดรธานี
  • อุตรดิตถ์
  • จังหวัดอุบลราชธานี

หมายเหตุ  สามารถเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ที่ทางราชการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินได้ที่เว็บไซต์ของกรมป้องกันและบรรเทาาธารณภัย https://datacenter.disaster.go.th/datacenter/

มาตรการเยียวยาและช่วยเหลือเกษตรกรจากภัยพิบัติอุทกภัย

ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า

    • เช่น การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ, เครื่องผลักดันน้ำในพื้นที่ประสบภัย, การแจกเมล็ดพันธุ์พืชผัก, การอพยพสัตว์ ,การส่งเฮลิคอปเตอร์ฝนหลวงสนับสนุนการปฏิบัติการของกรมปองกันและบรรเทาสาธารณภัย และกองบัญชาการกองทัพ ในการเข้าพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย, การจัดชุดเฉพาะกิจพร้อมเจ้าหน้าที่ รถยนต์ เรือตรวจการประมง ช่วยนำส่งเสบียงอาหารและน้ำดื่ม และช่วยอพยพยพประชาชน และผู้ป่วยออกจากพื้นที่
    • การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน วงเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาท

ความช่วยเหลือเยียวยาหลังสถานการณ์

หมายเหตุ การประชุมศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครั้งที่ 5 /2567 มีมิตเห็นชอบในหลักการการลดขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยลดระยะเวลาขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรใหม่ จากเดิมไม่เกิน 90 วัน เหลือไม่เกิน 65 วัน

สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประกาศมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ 4 มาตรการ ดังนี้

    1. สนับสนุนสินเชื่อภัยพิบัติ วงเงิน 50,000 บาท ระยะเวลา 3 ปี ดอกเบี้ย 0%
    2. ลดหรืองดเก็บดอกเบี้ยเงินกู้ / ผ่อนผันหรือขยายเวลาชำระหนี้เงินกู้
    3. ผ่อนผันหรือขยายเวลาการจัดเก็บค่าเช่าซื้อ
    4. ลดหรืองดเว้นการจัดเก็บค่าเช่าที่ดิน

สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่

    • ส.ป.ก. จังหวัด ทุกแห่ง
    • สายด่วน. ส.ป.ก. 1764

มาตรการช่วยเหลือด้านอุตสาหกรรม

กรมโรงงานอุตสาหกรรม

       ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง การช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการโรงงาน กรณีโรงงานได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติน้ำท่วม พ.ศ. 2567 เพื่อได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี โรงงานจำพวกที่ 2 และจำพวกที่ 3

    • ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 สามารถแจ้งข้อมูล ตามแบบแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานและความเสียหายที่โรงงานได้รับจากภัยธรรมชาติน้ำท่วม พ.ศ. 2567 ตั้งแต่วันนี้ – 31 ต.ค.67

โดยดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้

    1. โรงงานที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติน้ำท่วมนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 สามารถแจ้งข้อมูลตั้งแต่บัดนี้ – 31 ตุลาคม 2567
    2. ดาวน์โหลดแบบแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานและความเสียหายที่โรงงานได้รับจากภัยธรรมชาติน้ำท่วมพ.ศ. 2567ได้ที่ https://www.diw.go.th/webdiw/25092567-01/
    3. กรอกแบบแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานและความเสียหายที่โรงงานได้รับจากภัยธรรมชาติน้ำท่วม พ.ศ. 2567
    4. กำลังแรงม้าเครื่องจักร / จำนวนคนงาน ต้องกรอกให้ตรงกับ ร.ง.2 หรือ ร.ง.4
    5. แนบสำเนา ร.ง.2 หรือ ร.ง.4 พร้อมแนบภาพถ่าย/ข้อมูลความเสียหาย (ถ้ามี)
    6. ยื่นเอกสารด้วยตนเอง ณ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดที่โรงงานตั้งอยู่

อ่านเพิ่มเติม

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

     กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งติดตามสถานการณ์ ส่วนมาตรการฟื้นฟูหลังน้ำลด ดีพร้อมจะเข้าไปให้คำปรึกษาและประเมินสภาพปัญหาและวางแผนฟื้นฟู โดยมาตรการ

    1. ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค หรือ DIPROM CENTER ในพื้นที่ส่วนภูมิภาคให้ความช่วยเหลือแก้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยการฟื้นฟู และปรับปรุงกระบวนการผลิต รวมถึงจัดกิจกรรมช่วยเหลือ แนะนำในการปรับปรุงซ่อมแซม ฟื้นฟูเครื่องจักร ระบบไฟฟ้า ระบบหล่อลื่น
    2. ดำเนินกิจกรรม Re-Layout, Re-Engineering เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตให้กลับมาดำเนินการได้ เช่น การให้คำปรึกษา ปรับปรุง ฟื้นฟู เพื่อให้ระบบคุณภาพ GMP/HACCP/GHP กลับมาดำเนินการได้ปกติ
    3. พร้อมยกระดับศักยภาพการประกอบอาชีพสู่ธุรกิจอุตสาหกรรม ผ่านการส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพด้านการผลิต ด้านการบริการ ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ส่งเสริมให้ชุมชนเกิดรายได้ ลดรายจ่าย สามารถสร้างอาชีพใหม่ หรือนำไปประกอบอาชีพเสริมเพิ่ม ก่อให้เกิดความยั่งยืนในชุมชน พร้อมทั้งได้บูรณาการผ่านเครือข่ายดีพร้อม (DIPROM Connection) จับมือกับเครือข่ายทางการพัฒนาของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ของ SMEs เข้าสู่ช่องทางการตลาดทั้งรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์
    4. สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ สามารถได้รับการผ่อนผันการชำระหนี้ ได้รับการลดหย่อนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีสิทธิกู้เงินเพิ่มเติม และการขอกู้เงินเป็นกรณีพิเศษสำหรับลูกค้ารายใหม่ โดยวางกรอบวงเงินการช่วยเหลือกว่า 20 ล้านบาท

มาตรการด้านการเงิน พักหนี้ ลดดอกเบี้ย ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

1. ธนาคารออมสิน

     ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเร่งด่วน ตามนโยบายรัฐบาล พักต้น ลดดอกครึ่งหนึ่ง นาน 3 เดือน กู้ฉุกเฉิน 0% ไม่ต้องมีหลักประกัน กู้ซ่อมบ้านได้ 100% เตรียมจับมือภาคีร่วมเปิด คลินิกสารพัดซ่อม ฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด ประกอบด้วย

1.1 มาตรการพักชำระหนี้

    • ประกาศเดิม
        • สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อยที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท
        • ได้รับการพักชำระหนี้เงินต้นและลดดอกเบี้ยร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน 
        • ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ขอเข้ามาตรการผ่านทางเว็บไซต์ธนาคารออมสิน https://www.gsb.or.th/ หรือติดต่อธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
        • อย่างไรก็ตาม หลังครบกำหนดผ่อนผันพักชำระหนี้ครบ 3 เดือน 6 เดือนแล้ว ให้ชำระเงินงวดตามสัญญาเดิม
        • หากยังไม่สามารถชำระหนี้ต่อได้ สามารถปรึกษากับเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินเพื่อหาแนวทางอื่นต่อไป
    • การขยายระยะเวลามาตรการพักหนี้อัตโนมัติ จาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน (Update 4 ต.ค. 67)
        • ใช้หลักเกณฑ์เดิมคือให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบพักจ่ายเงินต้น และธนาคารไม่คิดดอกเบี้ย
        • มีผลทันทีตั้งแต่งวดเดือนตุลาคม 2567 ถึงงวดเดือนมีนาคม 2568
        • ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อรายย่อย สินเชื่อบุคคล และ SMEs วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท (ยกเว้นสินเชื่อชีวิตสุขสันต์และสินเชื่อตามนโยบายรัฐ : PSA)
        • โดยธนาคารจะส่ง SMS หรือ จดหมายแจ้งเพื่อทราบการพักชำระหนี้ไปยังลูกหนี้ตามรายชื่อผู้มีสิทธิ์ร่วมมาตรการฯ ซึ่งมีภูมิลำเนา ที่อยู่ หรือที่ประกอบอาชีพ ในพื้นที่ประสบภัยตามประกาศฯ ในปัจจุบัน (ประกาศฯ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567)
        • หลังจากสิ้นสุดมาตรการฯ ให้ลูกหนี้กลับมาชำระหนี้ตามสัญญาเดิมตั้งแต่งวดเดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป
        • ทั้งนี้ ลูกหนี้สถานะปกติที่มีการชำระหนี้ในช่วงเวลาของมาตรการฯ ธนาคารจะนำไปตัดลดต้นเงินของลูกหนี้ต่อไป
        • อ่านเพิ่มเติม 

1.2 มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ

จำนวน 2 โครงการ ได้แก่

1.2.1 โครงการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ

      • วงเงินต่อรายไม่เกิน 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.6 ต่อเดือน
      • ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 เดือน ปลอดชำระเงินงวดใน 3 เดือนแรก หลังจากนั้นเดือนที่ 4 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.60% ต่อเดือน
      • สามารถติดต่อขอสินเชื่อที่ธนาคารออมสินสาขาภายใน 30 วันนับตั้งแต่ประสบภัย โดยเปิดให้ยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

1.2.2 โครงการสินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัย

      • วงเงินกู้ต่อรายสูงสุดร้อยละ 100 ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 2 ต่อปี

“คลินิกสารพัดซ่อม” 

    • ธนาคารออมสินเตรียมร่วมมือกับภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะวิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่จัดตั้ง “คลินิกสารพัดซ่อม”
    • ให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด ในการดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซม ทั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัย อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน รถจักรยานยนต์ และอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหาย ตลอดจนสำรวจความต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมด้านต่าง ๆ ต่อไป

โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up

       ธนาคารออมสิน ช่วยผู้ประสบเหตุอุทกภัย เชิญชวน SMEs รายย่อย และอาชีพอิสระ ขอกู้ฟื้นฟูกิจการ กับโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up ได้ถึง 30 ธ.ค. 67

    • วงเงินรวม 100,000 ล้านบาท เป็นการดำเนินตามนโยบายรัฐบาลเพื่อสนับสนุนแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
    • อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี
    • วัตถุประสงค์เพื่อให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ นำไปปล่อยสินเชื่อต่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำไม่เกิน 3.5% ต่อปี ใน 2 ปีแรก
    • ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินทุกแห่งที่เข้าร่วมโครงการ
    • อ่านเพิ่มเติม

มาตรการสินเชื่อต่อเติมซ่อมแซมช่วยประชาชนฟื้นฟูที่อยู่อาศัยหลังน้ำลด

    • สำหรับลูกค้าเดิม
      • เพื่อต่อเติมซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ประสบภัยพิบัติของหลักประกันเดิม วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย
      • ทั้งนี้เมื่อรวมกับยอดหนี้คงเหลือแล้ว ต้องไม่เกินราคาประเมินหลักทรัพย์ตามสัญญาเดิม
      • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ย 3 ปีแรก 2.750% ต่อปี เดือนที่ 1 – 3 = 0% ต่อปี เดือนที่ 4 – 12 = 2.000% ต่อปี ปีที่ 2 = 3.000% ต่อปี ปีที่ 3 = 3.750% ต่อปี และปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR -0.750% ต่อปี
      • ทั้งนี้ ธนาคารสนับสนุนค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินจดจำนอง โดยให้ตามที่จ่ายจริงไม่เกินรายละ 5,000 บาท
    • สำหรับลูกค้าใหม่
      • เพื่อต่อเติมซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ประสบภัยพิบัติของตนเอง วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย แบบไม่มีหลักประกัน (Clean Loan)
      • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ย 3 ปีแรก 4.750% ต่อปี เดือนที่ 1 – 3 = 0% ต่อปี เดือนที่ 4 – 12 = 4.000% ต่อปี ปีที่ 2 = 5.000% ต่อปี ปีที่ 3 = 6.250% ต่อปี และปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR +2.155% ต่อปี
    • ติดต่อขอสินเชื่อ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 30 ธันวาคม 2568 ที่สาขาธนาคารออมสิน
    • อ่านเพิ่มเติม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการฯ

    • GSB Contact Center โทร.1115 
    • Facebook : GSB Society

2. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

2.1 มาตรการพักชำระหนี้

แบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่

2.1.1 กรณีหนี้ถึงกำหนดชำระหรือหนี้ค้างชำระ 0 – 3 เดือน

      • สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยการขยายระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 20 ปี
      • กรณีลูกค้าไม่สามารถชำระดอกเบี้ยค้างชำระได้ทั้งหมด ให้ระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นไม่เกิน 3 ปี ยกเว้นดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน และ
      • กรณีลูกค้าสามารถชำระดอกเบี้ยค้างชำระได้ร้อยละ 20 จะตัดชำระเงินต้นร้อยละ 50 และตัดชำระดอกเบี้ยร้อยละ 50

2.1.2 กรณีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs)

      • สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยการขยายระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 20 ปี
      • ลดอัตราดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน และลดภาระหนี้และดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 70 เมื่อชำระหนี้ได้ตามสัญญาใหม่

2.2 มาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูลูกค้า

วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท จำนวน 2 โครงการ ได้แก่

2.2.1 โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2567/68

      • วงเงินต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย *Minimum Retail Rate หรือ MRR (*MRR (Minimum Retail Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย) (ปัจจุบัน MRR ของ ธ.ก.ส. เท่ากับร้อยละ 6.975 ต่อปี) ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี ปลอดชำระดอกเบี้ยใน 6 เดือนแรก

2.2.2 โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต

      • วงเงินต่อรายไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR – 2 ต่อปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 ปี

ติดต่อสอบถามและแจ้งความประสงค์

    • ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรอย่ากังวลใจในช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ธนาคารพร้อมเข้าไปดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่
    • สำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยดังกล่าว สามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง

3. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

     ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2567 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าประชาชน ประกอบด้วย

3.1 มาตรการลดเงินงวดและลดอัตราดอกเบี้ย

    • สำหรับลูกค้าปัจจุบันจะได้รับการลดเงินงวดร้อยละ 50 จากเงินงวดที่ชำระปกติ และ
    • ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน

3.2 มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ

    • สำหรับลูกค้าใหม่หรือลูกค้าปัจจุบัน สามารถขอสินเชื่อเพิ่มเติมหรือสินเชื่อใหม่เพื่อปลูกสร้างอาคารทดแทนหลังเดิมหรือซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย
    • วงเงินต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 2 ต่อปี

3.3 มาตรการประนอมหนี้

    • สำหรับลูกค้าที่ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือนหรืออยู่ระหว่างการประนอมหนี้จะได้รับการปลอดชำระดอกเบี้ยและเงินงวดใน 6 เดือนแรก
    • กรณีลูกค้าที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ผู้กู้ร่วมหรือทายาทสามารถผ่อนชำระต่อในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปีตลอดระยะเวลาคงเหลือ และ
    • กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้สามารถยกเว้นหนี้ในส่วนของอาคารและผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือ

3.4 มาตรการสินไหมเร่งด่วน

    • สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติจะพิจารณาสินไหมอย่างเร่งด่วน (Fast Track) เป็นกรณีพิเศษ

3.5 โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย

    • สำหรับลูกค้าปัจจุบัน
        • ลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี
        • โดยพักชำระหนี้นาน 3 เดือน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก
        • เดือนที่ 4 – 12 คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.00% ต่อปี พร้อมลดเงินงวดลง 50% ของเงินงวดที่ชำระในปัจจุบัน
        • เมื่อครบระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ ลูกค้าสามารถกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เดิมต่อไป
    • สำหรับลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าใหม่
        • กู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม
            • วงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท
            • อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 – 3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด
            • อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 4 – 24 เท่ากับ 2.00% ต่อปี
            • อัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 เท่ากับ MRR-3.30% ต่อปี (3.24% ต่อปี), ปีที่ 4 เท่ากับ MRR-2.40% ต่อปี (4.14% ต่อปี) และปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญา
            • กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี, ลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี
        • กู้เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย
            • เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบัน เท่ากับ 6.545% ต่อปี)
            • ระยะเวลาการกู้ 40 ปี กู้ 1 ล้านบาท
            • ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,100 บาท เท่านั้น
        • พิเศษ! ฟรีค่าธรรมเนียมราคาหลักประกัน (1,900 – 2,800 บาท) และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนองไม่เกิน 1% ของวงเงินจำนอง เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนอีกด้วย
        • อ่านเพิ่มเติม

ติดต่อสอบถามและแจ้งความประสงค์

    • เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป สำหรับลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2567 สามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567
    • โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
      – ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ
      – G H Bank Call Center โทร 0 2645 9000 หรือ
      – Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
    • ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Application : GHB ALL GEN

4. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)

     ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ห่วงใยลูกค้าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยพิบัติและสาธารณภัยที่ขยายวงกว้างไปในหลายพื้นที่ ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม ครอบคลุมดูแลทั่วประเทศ ได้แก่  

4.1 มาตรการ “พักชำระหนี้ เงินต้นและดอกเบี้ย”

    • สำหรับลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด  เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย  
    • กลุ่มเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term loan)
      • พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย  สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน
    • กลุ่มสัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) และสินเชื่อแฟคตอริ่ง
      • ขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินออกไปอีกสูงสุด 180 วัน
      • สามารถพักชำระดอกเบี้ยได้ 

4.2 มาตรการ “เติมทุนฉุกเฉินฟื้นฟูกิจการ”

    • สำหรับลูกค้าธนาคารได้รับผลกระทบทางตรง ที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด  เพื่อให้มีวงเงินกู้ฉุกเฉิน นำไปฟื้นฟูธุรกิจเฉพาะหน้า
    • วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท สูงสุด 200,000 บาท
      (บุคคลธรรมดา สูงสุด 100,000 บาท และนิติบุคคล สูงสุด 200,000 บาท)  
    • อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี  
    • ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน
    • ไม่ต้องมีหลักประกัน
    • ยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดกระบวนการนำส่งเอกสารในการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงเป็นการเร่งด่วน

แจ้งความประสงค์

    • ผ่านสาขาของ SME D Bank ทุกแห่ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

    • Call Center 1357

(Last update Update 27 ก.ย. 67)

5. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.)

ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

5.1 มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะสั้น

    • ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงินสูงสุด 180 วัน
    • เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราวสูงสุดร้อยละ 20 ของวงเงินหมุนเวียนเดิม สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท และ
    • เปลี่ยนแปลงภาระหนี้ระยะสั้นเป็นภาระหนี้ระยะยาวผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี

5.2 มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะยาว

    • ขยายระยะเวลาเงินกู้สูงสุด 7 ปี
    • ปรับลดอัตราดอกเบี้ยปีแรกลงร้อยละ 0.50% หรือจ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 50 ในช่วง 6 เดือนแรก และพักชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 1 ปี

แจ้งความประสงค์

    • เข้าร่วมมาตรการผ่านทางเว็บไซต์ของ ธสน. https://www.exim.go.th/
    • ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    • สอบถามข้อมูล โทร. 02 169 9999

6. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)

    • ออกมาตรการสำหรับกลุ่มลูกค้าเดิมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ จะได้รับการพักชำระหนี้เงินต้น ชำระเฉพาะอัตรากำไร เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
    • โดยให้ขยายระยะเวลาออกไปไม่เกินระยะเวลาที่พักชำระ และได้รับการยกเว้นค่าชดเชยผิดนัดชำระ (Late charge) ที่เกิดขึ้นทั้งจำนวนจนถึงวันที่ปรับปรุงบัญชี
    • สามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (สอบถามข้อมูล โทร. 02 650 6999 หรือสายด่วน 1302)

7. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

     ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าและลูกหนี้ของ บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยปี 2567 ประกอบด้วย

7.1 มาตรการพักชำระค่าธรรมเนียม

    • สำหรับลูกค้า บสย. ที่ถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 สามารถพักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกันเป็นระยะเวลา 6 เดือนนับจากวันถึงกำหนดชำระ

7.2 มาตรการพักชำระค่างวด

    • สำหรับลูกหนี้ บสย. ที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้และไม่ผิดนัดชำระหนี้สามารถพักชำระค่างวดเป็นระยะเวลา 3 งวด โดยขอเข้าร่วมโครงการได้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2567

อื่น ๆ 

    • บสย. ยังได้เฝ้าติดตามสถานการณ์และผลกระทบอย่างใกล้ชิดในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ที่มีแนวโน้มเป็นพื้นที่ประสบภัย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ลุ่มต่ำ 7 จังหวัด คือ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง และ พระนครศรีอยุธยา
    • พร้อมมอบหมายให้สำนักงานเขต บสย. ทั่วประเทศเร่งสำรวจตรวจสอบและสื่อสารประชาสัมพันธ์มาตรการช่วยเหลือดังกล่าว
    • โดย บสย. เตรียมลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ เพิ่มเติม

ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดการเข้าร่วมมาตรการ

    • ผู้ประกอบการ SMEs ทั้งกลุ่มลูกค้า และลูกหนี้ บสย. ที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยตามประกาศดังกล่าว สามารถปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดการเข้าร่วมมาตรการ ได้ที่
      • สำนักงานเขตในพื้นที่ หรือ ช่องทาง LINE OA TCG First: @tcgfirst
      • บสย. Call Center โทร. 02 890 9999

8. กยศ. ผ่อนผันการชำระหนี้

กยศ. ผ่อนผันการชำระหนี้ ช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ สำหรับผู้กู้ยืมที่ประสบภัยพิบัติ อุทกภัยหรือจากภัยธรรมชาติอื่นๆ

    • สามารถขอผ่อนผันชำระหนี้ได้ไม่เกิน 2 คราว ๆ ละไม่เกิน 1 ปี รวมระยะเวลาแล้วไม่เกิน 2 ปี
    • โดยช่วงเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน ผู้กู้ยืมไม่ต้องชำระหนี้เงินต้น ดอกเบี้ย และจะยกเว้นเบี้ยปรับหรือค่าธรรมเนียมกรณีผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน
    • ซึ่งผู้กู้ยืมที่ประสงค์ขอผ่อนผันการชำระหนี้ต้องไม่มียอดค้างชำระ
    • ผู้กู้ยืมสามารถดูรายละเอียดคุณสมบัติตามประกาศเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่กองทุนฯ กำหนด โดยดูรายละเอียดได้ที่ www.studentloan.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ไลน์บัญชีทางการ กยศ.

มาตรการช่วยเหลือของธนาคารเอกชน

สำนักงานประกันสังคม

มาตรการการช่วยเหลือและเยียวยาประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยและดินโคลนถล่ม

    • ที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) มีมติเห็นชอบให้ลดการส่งเงินสมทบของฝ่ายนายจ้างสถานประกอบการและฝ่ายลูกจ้างร้อยละ 2 ให้เหลือจ่ายร้อยละ 3 (จากที่ถูกหักจากเงินเดือนร้อยละ 5) ตั้งแต่งวดเดือนตุลาคม 2567 และจะมีการผ่อนผันไปถึงเดือนมีนาคม 2568 รวมเป็นระยะเวลา 6 เดือน

ลดเหลือ 3% ต้องจ่ายประกันสังคม ม. 33 เท่าไหร่

    • ผู้ประกันตนประกันสังคม ม.33 จะต้องจ่ายเงินสมทบ 5% ของรายได้ต่อเดือน โดยคิดจากฐานค่าจ้างขั้นต่ำสุดที่ 1,650 บาท/เดือน และสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน
        • ดังนั้นผู้ประกันตนที่ได้รับเงินค่าจ้างต่ำสุด จะต้องจ่ายเงินสมทบอยู่ที่ 83 บาท/เดือน
        • ส่วนผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จะต้องจ่ายเงินสมทบจำนวน 750 บาท/เดือน
    • ยกตัวอย่างเช่น
        • ผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป เดิมจ่าย 5% คิดเป็น 750 บาท ลดเหลือ 3% จะจ่าย 450 บาท
        • ส่วนนายจ้าง เดิมจ่าย 5% คิดเป็น 750 บาท ลดเหลือ 3% จะจ่าย 450 บาท เงินสมทบจากรัฐ 2.75%
    • อ่านเพิ่มเติม

กรมสรรพากร ออกมาตรการลดหย่อนภาษีช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

     คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 อนุมัติหลักการมาตรการภาษีช่วยค่าซ่อมบ้านและมาตรการภาษีช่วยค่าซ่อมรถ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2567

1. มาตรการภาษีช่วยค่าซ่อมบ้าน ให้ผู้มีเงินได้ (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคล)

    • หักลดหย่อนค่าซ่อมแชมบ้าน ที่จ่ายไประหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน 100,000 บาท
    • ทั้งนี้ บ้านที่ได้รับความเสียหายต้องอยู่ในพื้นที่ที่ทางราชการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน

2. มาตรการภาษีช่วยค่าซ่อมรถ ให้ผู้มีเงินได้ (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคล)

    • หักลดหย่อนค่าซ่อมแชมรถที่จ่ายไประหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน 30,000 บาท
    • ทั้งนี้ รถที่ได้รับความเสียหายต้องอยู่ในพื้นที่ที่ทางราชการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน”

หมายเหตุ สามารถเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ที่ทางราชการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินได้ที่เว็บไซต์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย https://datacenter.disaster.go.th/datacenter/

อ่านเพิ่มเติม

มาตรการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ

มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัย

     ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับค่าไฟฟ้าในเดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคม 2567

    • เดือนกันยายน จะไม่เรียกเก็บค่าไฟฟ้า
    • เดือนตุลาคม จะให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 30 โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

การประปาส่วนภูมิภาค

กปภ. จัดให้! 5 มาตรการ ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย

    • มาตรการที่ 1 สนับสนุนน้ำดื่มบรรจุขวดและน้ำประปา เพื่ออุปโภคบริโภคให้เพียงพอ
    • มาตรการที่ 2 ช่วยเหลือน้ำประปาฟรี เพื่อทำความสะอาดบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
    • มาตรการที่ 3 ยกเว้นการเก็บค่าน้ำประปาและค่าบริการทั่วไป ในเดือนที่เกิดอุทกภัยในพื้นที่ ซึ่งหน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากอุทกภัย ให้แก่
      –  ผู้ใช้น้ำประเภทที่อยู่อาศัย เช่น บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ หอพัก คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนท์ ห้องแถว สถานที่พักอาศัยที่มีการค้าขายด้วยตนเอง สถานที่พักอาศัยของรัฐ เป็นต้น
      –  ธุรกิจขนาดเล็ก ได้แก่ สถานที่ที่อาจมีการอยู่อาศัยหรือค้าขาย ประกอบการหรือรับจ้าง อุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น โฮมสเตย์ เป็นต้น
    • มาตรการที่ 4 ขยายเวลาค้างชำระค่าน้ำประปาของผู้ใช้น้ำทุกประเภท เป็นระยะเวลา 60 วัน นับตั้งแต่เดือนที่ประสบอุทกภัย ซึ่งหน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัย
    • มาตรการที่ 5 การผ่อนชำระค่าน้ำ หากครบกำหนดชำระเงินค่าน้ำแล้ว ผู้ใช้น้ำไม่สามารถชำระค่าน้ำได้ครบตามจำนวน สามารถขอผ่อนชำระค่าน้ำได้ที่ กปภ.สาขาในพื้นพื้นที่

พม. ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 34 แห่ง

หน่วยงานของกระทรวง พม. ได้เปิดพื้นที่ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว จำนวน 34 แห่ง ใน 13 จังหวัด ของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่

 ภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
 
  • เชียงราย
  • เชียงใหม่
  • แม่ฮ่องสอน
  • ลำพูน
  • ลำปาง
  • พะเยา
  • น่าน
  • หนองคาย
  • เลย
  • มุกดาหาร
  • บึงกาฬ
  • อุบลราชธานี
  • นครพนม

ศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ

       กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดตั้ง “ศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ” (ศบปภ.) หรือ Disaster Care Center for the Vulnerable (DCCV) ให้มีบทบาทสำคัญในการเป็นกลไกการขับเคลื่อนงานให้ความช่วยเหลือ ดูแล และเยียวยากลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติเชิงรุก โดยมีหน้าที่รับผิดชอบสำคัญ อาทิ

    1. เป็นศูนย์กลางในการให้ความช่วยเหลือ ดูแล และเยียวยากลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ
    2. เป็นศูนย์กลางในการกำกับ ติดตาม และประเมินผลการให้ความช่วยเหลือฯ และ
    3. เป็นศูนย์กลางในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ทางสังคมเชิงรุก ตลอดจนสร้างการรับรู้แก่ทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือฯ

การรับบริจาค

บริจาคเงิน

สำนักนายกรัฐมนตรี

    • ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทำเนียบรัฐบาล
    • ชื่อบัญชี “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี”
    • เลขที่บัญชี 067-0-06895-0
    • ยอดเงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

สภากาชาดไทย

    • บริจาคผ่านบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย ชื่อบัญชี “สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ” ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่บัญชี 045-3-04637-0
    • บริจาคผ่านเว็บไซต์ ในชื่อโครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย  ระหว่าง 28 ส.ค. – 30 ก.ย. 67
    • สามารถลดหย่อนภาษี ได้ 2 เท่า

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

     ขอเชิญชวนร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง ผ่านสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี

    • บัญชี ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
    • ชื่อบัญชี สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี เพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติฉุกเฉิน เลขที่บัญชี 034-1-09640-7

บริจาคสิ่งของ

กรุงเทพมหานคร เปิดรับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัย

    • รับบริจาคสิ่งของ (งดรับบริจาคเงิน) เช่น
      • ข้าวสาร อาหารแห้ง
      • อาหารกระป๋องพร้อมทาน
      • เครื่องปรุงรส หรือน้ำมันพืช
      • ยาสามัญประจำบ้านและเวชภัณฑ์
      • อุปกรณ์ทำความสะอาด
      • ถุงบรรจุของยังชีพ
    • สามารถบริจาคได้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2567 เป็นต้นไปที่ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) และ สำนักงานเขต 50 เขตใกล้บ้าน

การรถไฟแห่งประเทศไทย ตั้งศูนย์ “ห่วงใย”

     การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดตั้งศูนย์ “ห่วงใย” ขึ้นที่ ตึกบัญชาการรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทย เชิงสะพานนพวงษ์ (ตรงข้ามโรงเรียนเทพศิรินทร์) เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดเตรียมถุงยังชีพ และรับหน้าที่ประสานงานการรับบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม อาหารกระป๋อง ยารักษาโรค เครื่องใช้ที่จำเป็น เพื่อรวบรวมนำไปจัดส่งทางรถไฟ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

     ผู้สนใจร่วมบริจาคสิ่งของสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่

    • การรถไฟแห่งประเทศไทย รองเมือง ปทุมวัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0-2220-4261
    • ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690
    • เฟซบุ๊ก แฟนเพจทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย ตลอด 24 ชั่วโมง

ไปรษณีย์ไทย

    1. ไปรษณีย์ไทย ขอเชิญร่วมบริจาคสิ่งของในแคมเปญ “ไปรษณีย์ไทย เชื่อมโยงน้ำใจ ส่งต่อผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ส่งฟรี
        • น้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม/ ชิ้น / กล่อง
        • ณ ไปรษณีย์ทั่วประเทศ
        • ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2567
    2. ไปรษณีย์ไทย ขอแนะนำสิ่งของที่ต้องการรับบริจาค ในแคมเปญ “ไปรษณีย์ไทย เชื่อมโยงน้ำใจ ส่งต่อผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ❗️ส่งฟรี❗️
        • ✔️ สิ่งของรับบริจาค
          –  เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำ กระทะไฟฟ้า
          –  อุปกรณ์ครับ อาทิ ช้อน ส้อม จาน ถ้วย
          –  อุปกรณ์ทำความสะอาด อาทิ ถุงขยะ แปรงขัดพื้น สายยาง รองเท้าบูธ
          –  ชุดเครื่องนอน อาทิ หมอน ผ้าห่ม มุ้ง
          –  อาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน
        • ❌ งดรับบริจาค
          –  เสื้อผ้า อาหารสด ของเน่าเสียง่ายหรือหมดอายุ ของที่อาจแตกหักเสียหาย และน้ำหรือของเหลวที่มีโอกาสแตกรั่ว
        • 📦บรรจุสิ่งของ และหุ้มห่อให้เรียบร้อย พร้อมจ่าหน้าและระบุประเภทสิ่งของ 📦
        • 📌น้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม/ ชิ้น / กล่อง
        • 📮 ส่งฟรี!! ณ ไปรษณีย์ทั่วประเทศ (ยกเว้น ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาต (ปณอ.) และร้านไปรษณีย์ไทย (ปณร.))
        • 🗓 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. – 10 ต.ค. 2567
        • รายละเอียดที่อยู่ของผู้รับบริจาค

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

โครงการ “ทช. ร่วมปันน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย”  โดยรวบรวมส่งไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 

ตัวอย่างสิ่งของที่รับบริจาค ดังนี้

      • น้ำดื่ม
      • อาหารแห้ง
      • นมผงสำหรับเด็กที่มีปัญหาระบบการย่อย
      • ยารักษาโรค
      • อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้าน
      • ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
      • สิ่งของเครื่องใช้ที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน

รายละเอียดเพิ่มเติม

      • สถานที่รับบริจาค สลก. ชั้น 5 ทช.
      • สอบถามได้ที่ ส่วนอำนวยการฯ โทร.021 414 687

แนะนำ/แจ้งเตือน

ข้อแนะนำประชาชน

คำแนะนำทั่วไปในช่วงน้ำท่วม

ไฟฟ้า

การขับขี่รถ

โรคและการป้องกัน

การดูแลสุขภาพ

ขยะและสิ่งปฏิกูล

ลักทรัพย์ในพื้นที่ “น้ำท่วม” ซ้ำเติมผู้เดือดร้อน โทษหนักขึ้น

    • ต้องรับโทษสูงกว่าการลักทรัพย์โดยปกติ
      • ลักทรัพย์ (ธรรมดา) มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
      • ลักทรัพย์ในสถานการณ์น้ำท่วม ซ้ำเติมประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 100,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ( 2 )
    • แจ้งเหตุ ขอความช่วยเหลือ โทร.191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง

กระทรวงพาณิชย์ สั่งห้ามรถตักโคลนขึ้นราคาเด็ดขาด

        กระทรวงพาณิชย์ สั่งการกรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด กำกับดูแลให้มีการปิดป้ายแสดงราคาค่าบริการรถตักดิน และเข้มงวดไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นค่าบริการรถตักดินอย่างไม่เป็นธรรมกับประชาชน

หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด

    • กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคา จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
    • กรณีจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าและบริการที่ไม่เป็นเป็นธรรม

    • สามารถร้องเรียนได้ที่
      –  สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569
      –  สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
    • อ่านเพิ่มเติม

ติดตามสถานการณ์/ข่าวสาร แจ้งขอรับความช่วยเหลือ

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

    • ติดตามการรายงานสถานการณ์ ข่าวสารสาธารณภัย
      • Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM 
      • X @DDPMNews
    • ติดตามการประกาศแจ้งเตือนภัย
      • แอปพลิเคชัน “Thai Disaster Alert” ทั้งระบบ IOS และ Android
    • หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้
      • ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM **สามารถแชร์พิกัดแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที
      • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ขอความช่วยเหลือผ่าน “ไลน์ Traffy Fondue”

ต้องการความช่วยเหลือ/ขอรับความช่วยเหลือ

    • ได้รับผลกระทบ น้ำท่วม ดินโคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก
        • ศูนย์ดำรงธรรม ☎️ โnร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง
    • ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วม หรือที่พักอาศัยมีดินโคลนปกคลุม และเกิดทรุดและชำรุด
        • สายด่วนกรมทางหลวง ☎️ โทร. 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง
    • สอบถามสถานการณ์น้ำท่วม / แจ้งเรื่องร้องเรียน / ขอความช่วยเหลือ
        • สายด่วน ☎️ 1111 โทรฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวสารเส้นทาง

สภาพอากาศ

สถานการณ์น้ำ/ระดับน้ำ

สถานการณ์ภัยพิบัติด้านอื่น ๆ 

อื่น ๆ

ข่าวอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567

ที่มา