ปภ. แจ้งเตือน 49 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ช่วงวันที่ 26 – 29 ต.ค. 67

          กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเตือน 49 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ในช่วงวันที่ 26 – 29 ตุลาคม 2567 โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ สภาพน้ำ ปริมาณฝน และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงเพื่อเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศและปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด

          นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 4 (237/2567) ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2567 เวลา 11.00 น. แจ้งว่า พายุโซนร้อนกำลังแรง “จ่ามี” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้า ๆ คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนกลาง ในช่วงวันที่ 26 – 28 ตุลาคม 2567 โดยพายุนี้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่จะทำให้มีลมฝ่ายตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดเข้าหาศูนย์กลางของพายุมีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักบางพื้นที่ และมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง หลังจากนั้นพายุจะเปลี่ยนทิศทางเคลื่อนตัวออกห่างจากชายฝั่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามกลับไปทางทะเลจีนใต้ตอนบน นอกจากนี้ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ในช่วงวันที่ 26 – 29 ตุลาคม 2567 ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร โดยมีพื้นที่แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ระหว่างวันที่ 26 – 29 ตุลาคม 2567 แยกเป็น

ภาคเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่

1. 1. จังหวัดอุตรดิตถ์ (อ.น้ำปาด)
   2. จังหวัดสุโขทัย (อ.ศรีสำโรง อ.กงไกรลาศ)
   3. จังหวัดพิษณุโลก (อ.นครไทย อ.วังทอง อ.ชาติตระการ อ.วัดโบสถ์ อ.เนินมะปราง)
   4. จังหวัดเพชรบูรณ์ (อ.เมืองฯ อ.หนองไผ่ อ.หล่มเก่า อ.หล่มสัก อ.บึงสามพัน)
   5. จังหวัดอุทัยธานี (อ.บ้านไร่)
   6. จังหวัดนครสวรรค์ (อ.แม่วงก์ อ.แม่เปิน)

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่

1. 1. จังหวัดเลย (อ.นาด้วง อ.ภูเรือ)
   2. จังหวัดนครพนม (อ.เมืองฯ อ.ศรีสงคราม อ.ท่าอุเทน อ.ธาตุพนม อ.บ้านแพง อ.นาหว้า อ.นาทม อ.เรณูนคร) ชัยภูมิ (อ.เมืองฯ อ.คอนสวรรค์)
   3. จังหวัดมุกดาหาร (อ.เมืองฯ อ.หว้านใหญ่ อ.ดอนตาล) ยโสธร (อ.เมืองฯ อ.ป่าติ้ว อ.คำเขื่อนแก้ว)
   4. จังหวัดอำนาจเจริญ (อ.เมืองฯ อ.ชานุมาน) นครราชสีมา (อ.ปากช่อง อ.วังน้ำเขียว)
   5. จังหวัดศรีสะเกษ (อ.เมืองฯ อ.ยางชุมน้อย)
   6. จังหวัดอุบลราชธานี (อ.เมืองฯ อ.นาตาล อ.ตาลสุม อ.ศรีเมืองใหม่ อ.วารินชำราบ อ.พิบูลมังสาหาร อ.เขมราฐ อ.โพธิ์ไทร)

ภาคกลาง 23 จังหวัด ได้แก่

1. 1. จังหวัดกาญจนบุรี (อ.เมืองฯ อ.ด่านมะขามเตี้ย)
   2. จังหวัดราชบุรี (อ.ปากท่อ อ.สวนผึ้ง)
   3. จังหวัดสุพรรณบุรี (อ.เมืองฯ อ.ด่านช้าง)
   4. จังหวัดชัยนาท (อ.หันคา)
   5. จังหวัดสิงห์บุรี (อ.อินทร์บุรี อ.พรหมบุรี)
   6. จังหวัดอ่างทอง (อ.ป่าโมก อ.วิเศษชัยชาญ)
   7. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (อ.บางบาล อ.บางปะหัน อ.เสนา อ.ผักไห่ อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน อ.บางไทร)
   8. จังหวัดลพบุรี (อ.สระโบสถ์ อ.ลำสนธิ อ.ชัยบาดาล)
   9. จังหวัดสระบุรี (อ.แก่งคอย)
   10. จังหวัดนครนายก (อ.เมืองฯ อ.ปากพลี อ.บ้านนา)
   11. จังหวัดปราจีนบุรี (อ.เมืองฯ อ.ประจันตคาม อ.นาดี อ.กบินทร์บุรี อ.ศรีมหาโพธิ)
   12. จังหวัดสระแก้ว (อ.เมืองฯ อ.อรัญประเทศ)
   13. จังหวัดชลบุรี (อ.เมืองฯ อ.บางละมุง อ.ศรีราชา)
   14. จังหวัดระยอง (อ.เมืองฯ อ.บ้านค่าย อ.ปลวกแดง อ.นิคมพัฒนา)
   15. จังหวัดจันทบุรี (อ.เมืองฯ อ.ขลุง อ.ท่าใหม่ อ.เขาคิชฌกูฏ อ.มะขาม)
   16. จังหวัดตราด (ทุกอำเภอ)
   17. จังหวัดเพชรบุรี (อ.แก่งกระจาน)
   18. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อ.บางสะพาน อ.หัวหิน)
   19. จังหวัดปทุมธานี (อ.เมืองฯ อ.ธัญบุรี อ.คลองหลวง)
   20. จังหวัดนนทบุรี (อ.เมืองฯ อ.ปากเกร็ด)
   21. จังหวัดนครปฐม (อ.เมืองฯ อ.บางเลน)
   22. จังหวัดสมุทรสาคร (ทุกอำเภอ)
   23. จังหวัดสมุทรปราการ (อ.เมืองฯ อ.บางพลี อ.บางเสาธง)

ภาคใต้ 11 จังหวัด ได้แก่

1. 1. จังหวัดชุมพร (อ.พะโต๊ะ อ.หลังสวน)
   2. จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อ.พุนพิน อ.พระแสง อ.เวียงสระ อ.ชัยบุรี)
   3. จังหวัดนครศรีธรรมราช (อ.ลานสกา อ.นบพิตำ อ.ทุ่งใหญ่)
   4. จังหวัดพัทลุง (อ.กงหรา อ.ควนขนุน)
   5. จังหวัดสงขลา (อ.เมืองฯ อ.หาดใหญ่ อ.รัตภูมิ อ.ควนเนียง)
   6. จังหวัดระนอง (ทุกอำเภอ)
   7. จังหวัดพังงา (อ.เมืองฯ อ.คุระบุรีอ. ตะกั่วป่า อ.กะปง อ.ท้ายเหมือง อ.ตะกั่วทุ่ง)
   8. จังหวัดภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
   9. จังหวัดกระบี่ (อ.เมืองฯ อ.เหนือคลอง อ.อ่าวลึก อ.คลองท่อม อ.ปลายพระยา อ.เกาะลันตา)
   10. จังหวัดตรัง (อ.เมืองฯ อ.สิเกา อ.ย่านตาขาว อ.กันตัง อ.ห้วยยอด อ.รัษฎา อ.วังวิเศษ)
   11. จังหวัดสตูล (อ.เมืองฯ อ.ควนโดน อ.ท่าแพ อ.ละงู)

          กรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมขัง จากสถานการณ์ฝนตกหนักถึงหนักมาก พร้อมระวังอันตรายจากการสัญจรบริเวณที่มีฝนตกหนักและบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง

          กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 49 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักหรือบริเวณฝนสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ สภาพน้ำ และเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างต่อเนื่อง ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ หากประเมินสถานการณ์แล้ว คาดว่าสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงหรือขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ให้จังหวัดเตรียมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ เครื่องจักรกลสาธารณภัย และวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมออกช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีที่เกิดสถานการณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ให้จังหวัดแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และแจ้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ สถานการณ์น้ำ และข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ตลอดจนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น

          สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ประกาศการแจ้งเตือนภัย สถานการณ์น้ำในพื้นที่ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” และหากมีความเดือดร้อนจากสาธารณภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป

ที่มา : https://citly.me/7ioQ1