สปสช. เร่งนำระบบ PD first หรือ “นโยบายล้างไตทางช่องท้อง” กลับมาใช้ ลดการเสียชีวิตจากการฟอกเลือด
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีมติให้เร่งนำระบบ “PD first ล้างไตช่องท้องทางเลือกแรก” กลับมาใช้ให้เร็วที่สุด หลังพบการล้างไตด้วยการฟอกเลือดมีการเสียชีวิตค่อนข้างมาก พร้อมให้ความมั่นใจผู้ป่วย ถ้าจำเป็นต้องใช้วิธีฟอกเลือด สามารถทำได้
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) วันที่ 4 พ.ย. 2567 ว่า ที่ประชุมบอร์ด สปสช. ได้มีการพิจารณา และมีมติเห็นชอบข้อเสนอการพัฒนาระบบมาตรฐานและคุณภาพของนโยบายล้างไต ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) จากคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้บอร์ด สปสช. ได้มอบหมายให้คณะกรรมการควบคุมคุณภาพฯ ทำการศึกษาเรื่องมาตรฐานคุณภาพบริการ การล้างไตในระบบบัตรทอง และเมื่อมีการรายงานผลการศึกษากลับมา พบว่า ในระยะที่ผ่านมา การล้างไตทางเส้นเลือด หรือการฟอกเลือด (HD) ซึ่งเป็นอีกแนวทางการบำบัดทดแทนไตของผู้ป่วยไตวายสิทธิบัตรทอง มีจำนวนมากขึ้น เมื่อเทียบกับการล้างไตทางช่องท้อง (PD) ที่สัดส่วน 80 ต่อ 20 อีกทั้ง ยังพบด้วยว่าการล้างไตด้วยการฟอกเลือดมีการเสียชีวิตค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเมื่อฟอกเลือดในช่วง 90 วันแรกโดยไม่ทราบสาเหตุ
นพ.จเด็จ กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อเสนอที่บอร์ด สปสช. มีการเห็นชอบ คือ การมุ่งเน้นการลดจำนวนผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายรายใหม่ ซึ่งบอร์ด สปสช. เห็นว่าต้องดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค (P&P) ให้มากขึ้น รวมถึง บอร์ด สปสช. ยังให้กำหนดมาตรการเพิ่มสัดส่วนการล้างไตทางช่องท้องให้มากขึ้นด้วย และให้มุ่งเน้นล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องอัตโนมัติ (APD) เนื่องจากมีเครื่องเพียงพอรองรับ
“สาเหตุที่มีการปรับเปลี่ยนเชิงนโบายใหม่ ส่วนหนึ่งคิดว่าทาง บอร์ด สปสช. มีความกังวลการให้บริการอาจไม่ทั่วถึง หากผู้ป่วยไตวายเรื้อรังเลือกรับบริการฟอกเลือดมากขึ้น และอาจส่งผลให้ผู้ป่วยอีกหลายส่วนเข้าไม่ถึงบริการบำบัดทดแทนไต จึงมุ่งเน้นให้มีการล้างไตทางช่องท้อง ซึ่งมีความพร้อมในการให้บริการ” เลขาธิการ สปสช. ระบุ
นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมบอร์ด สปสช. ยังเห็นควรให้ สปสช. จัดให้มีกลไกร่วมกัน ระหว่างแพทย์โรคไต ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง และผู้เชี่ยวชาญ ในรูปแบบคณะบุคคล เพื่อพิจารณาผู้ป่วยรายนั้นว่ามีความเหมาะสมในการล้างไตรูปแบบใด (Pre-Authorization) และควรให้บริการกับผู้ป่วยตามความเหมาะสมนั้น ซึ่งเป็นกระบวนการที่ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง โดย สปสช. จะดำเนินการจัดกระบวนการนี้ให้เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม บอร์ด สปสช. ยืนยันว่า เมื่อใดก็ตามที่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังมีความจำเป็นใช้วิธีบำบัดทดแทนไตด้วยการฟอกเลือดก็ต้องมีการให้บริการตามนั้น เพราะเป็นความจำเป็นของผู้ป่วย แม้ว่างบประมาณของ สปสช. จะมีข้อจำกัดก็ตาม
“ที่ประชุม เน้นย้ำว่า ให้นำระบบ PD first หรือนโยบายล้างไตทางช่องท้องทางเลือกแรกกลับมาใช้ให้เร็วที่สุด แต่อย่างที่บอกเอาไว้ว่า อาจต้องมีกระบวนการที่ต้องจัดระบบกันใหม่ หรือ Pre-Authorization ที่ต้องมีคณะบุคคลเข้ามาพิจารณาแนวทางการรักษาผู้ป่วยไต เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ป่วยไตวายแต่ละคน” เลขาธิการ สปสช. กล่าว
เมื่อถามว่า ผู้ป่วยไตวายที่ใช้วิธีฟอกเลือดอยู่แล้ว จะต้องเปลี่ยนวิธีการบำบัดรักษามาเป็นล้างไตทางช่องท้องด้วยหรือไม่ นพ.จเด็จ กล่าวว่า ต้องไปจัดระบบกระบวนการก่อน แต่ยืนยันและย้ำว่า สปสช. จะเอาผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง แต่หากพิจารณาแล้วพบว่า การฟอกเลือดไม่เหมาะกับผู้ป่วย เพราะต้องเดินทางไปหน่วยบริการฟอกเลือด ซึ่งทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หรือต้องพึ่งพาคนอื่นให้พาไป ก็ต้องดูว่าเหมาะสมกับการล้างไตทางช่องท้องหรือไม่ หากเหมาะสมจะใช้วิธีการไหน ทั้งแบบล้างไตทางช่องท้องด้วยตนเอง หรือใช้เครื่องล้างไตทางช่องท้องอัตโนมัติ เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องปรึกษาร่วมกันกับแพทย์อีกครั้ง
เมื่อถามอีกว่า กระบวนการ Pre-Authorization สำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง จะเริ่มได้เร็วที่สุดตอนไหน นพ.จเด็จ กล่าวว่า สปสช. จะดำเนินการทันทีเพื่อหาแนวทางการจัดกระบวนการ และเข้าใจว่า อีกไม่นานจะมีคณะอนุกรรมการฯ ภายใต้คณะกรรมการควบคุมคุณภาพฯ จะตั้งกลไกการดำเนินงานขึ้นมา เพื่อมาร่วมทำงานกับ สปสช.
“เราจะเข้าไปดูในจุดที่ว่า ต้องมีกลไกใดที่ต้องเสริมขึ้นมา โดยเฉพาะกลไกสำหรับการใช้พิจารณาตัดสินเพื่อหาแนวทางบำบัดรักษาผู้ป่วยไตวายที่เหมาะสม ที่เป็นกระบวนการใหม่ขึ้นมา ซึ่งผมว่าเราต้องทำทันที” เลขาธิการ สปสช. กล่าวในตอนท้าย
ที่มา : https://www.thecoverage.info/news/content/7691?fbclid=IwY2xjawGWpuRleHRuA2FlbQIxMAABHQYdWvouTzzHfdMCDp7jNCKD-918NVRFUYEI0r6VM0_5uDdvs83cKACEUw_aem_c2rP-AlK3kis8Q3ATsgitg