กรมสรรพสามิต ร่วมกับ บก.สอท.4. จับกุมมอเตอร์ไซค์เถื่อนนำเข้าขายออนไลน์ มูลค่าภาษี 7 แสนบาท

กรมสรรพสามิต ร่วมกับ บก.สอท.4. จับกุมมอเตอร์ไซค์เถื่อนนำเข้าขายออนไลน์ มูลค่าภาษี 7 แสนบาท

  • กรมสรรพสามิต ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 จับกุมรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์และวิบาก ขนาด 50cc จำนวน 850 คัน ที่นำเข้าจากต่างประเทศโดยไม่ได้จดทะเบียนและไม่ชำระภาษีสรรพสามิต มูลค่าภาษี 718,680 บาท และค่าปรับ 3,593,400 บาท
  • การจับกุมเกิดจากการสืบสวนพบการขายผ่านช่องทางออนไลน์ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด พร้อมเก็บเงินปลายทาง
  • หากประชาชนท่านใดที่พบการกระทำผิดกฎหมาย สามารถแจ้งโดยตรงได้ที่
    • กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศหรือ Call center 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
    • หรือที่ www.excise.go.th ซึ่งกรมสรรพสามิตจะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ

 

          กรมสรรพสามิต ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 นำโดย พลตำรวจตรี จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 พันตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ อ่อนตา รองผู้บังคับการ พันตำรวจโท จตุภูมิ ลิ้มสิริวัฒนกุล รองผู้กำกับการ 3 แถลงผลการจับกุมรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ขนาด 50cc และรถจักรยานยนต์วิบาก ขนาด 50cc นำเข้าจากต่างประเทศที่ไม่ได้จดทะเบียนและไม่ได้ชำระภาษีสรรพสามิต จำนวน 850 คัน คิดเป็นค่าภาษีสรรพสามิต 718,680 บาท คิดเป็นเงินค่าปรับ 3,593,400 บาท

          ดร. กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิต ได้รับแจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายรถจักรยานยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด มีลักษณะการขายแบบเก็บเงินปลายทาง จึงได้เข้าตรวจสอบที่โกดังแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก โดยได้บูรณาการร่วมกับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพื่อเข้าจับกุม จากการตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์จิ๋ว ขนาด 50cc จำนวน 260 คัน รถจักรยานยนต์วิบาก ขนาด 50cc จำนวน 590 คัน ที่ยังไม่ได้ชำระภาษีสรรพสามิตคิดเป็นภาษีสรรพสามิตเป็นเงิน 718,680 บาท พบผู้แสดงตนเป็นเจ้าของให้การว่า ได้นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาจากประเทศจีน และยังไม่ได้ชำระภาษีสรรพสามิตแต่อย่างใด จึงได้แจ้ง ข้อกล่าวหาผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา 204 มีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี จึงได้นำตัวไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจภูธรบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก และทำการเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 3,593,400 บาท

          ดร. กุลยา กล่าวเพิ่มเติมว่า การจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายในครั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้บูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จนสามารถจับกุมรถจักรยานยนต์ที่มิชอบด้วยกฎหมายได้สำเร็จ ซึ่งปัจจุบันกรมสรรพสามิตได้ยกระดับการทำงาน ด้วยการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งยกระดับการทำงานเชิงรุก ด้วยการเปิดศูนย์ปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์ และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อปราบปรามและจับกุมขบวนการผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560

          หากประชาชนท่านใดที่พบการกระทำผิดกฎหมาย สามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศหรือ Call center 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.excise.go.th ซึ่งกรมสรรพสามิตจะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ


ที่มา : https://citly.me/5IveK