กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้ามาตรการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ปี 2568

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้ามาตรการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ปี 2568

       กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญกับการลดการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม โดยมีมติเห็นชอบมาตรการสำคัญ เช่น การเฝ้าระวังจุดเผาไหม้ (Hot Spot) การให้ความรู้แก่เกษตรกร และการตัดสิทธิ์ความช่วยเหลือจากรัฐสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน โดยเริ่มดำเนินการต้นปี 2568 เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างยั่งยืน



       นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ภาคการเกษตร ครั้งที่ 3/2567 ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (134 – 135) ว่า รัฐบาล และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่นิ่งนอนใจในการมุ่งแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศโดยเฉพาะฝุ่นละออง PM 2.5 จากภาคเกษตร และขอยืนยันว่าทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความตั้งใจเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาในภาพรวมให้สำเร็จ และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับที่ประชุมในวันนี้ มีมติเห็นชอบมาตรการเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ปี 2567/68 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดังนี้


       1. การเฝ้าระวัง สร้างการรับรู้ และป้องปรามการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม โดยติดตามสถานการณ์และตรวจสอบจุด Hot Spot ใช้ข้อมูลจากระบบ VIIRS ในการติดตามสถานการณ์การเผาในพื้นที่เกษตรและ ส.ป.ก. นำข้อมูลจุด Hot Spot และพื้นที่เผาไหม้ ทาบกับพื้นที่แปลงเกษตรกร ทุก 15 วัน และส่งให้ชุดปฏิบัติการอำเภอ/ตำบล ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับเกษตรกร แจ้งสิทธิการได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบและแนวทางการแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม

       สำหรับการตัดสิทธิการได้รับความช่วยเหลือชดเชยต่าง ๆ จากภาครัฐ หากตรวจพบว่ามีการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมของตนเอง ดำเนินการดังนี้

       (1) เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) กำหนดให้ห้ามกำจัดวัสดุทางการเกษตร ฟางข้าว ตอซังข้าว ซังข้าวโพด ฯลฯ โดยการเผาหากไม่ปฏิบัติตามจะมีหนังสือเตือน และหากยะงยังฝ่าฝืนโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร จะมีคำสั่งให้สิ้นสิทธิ์และต้องออกจากที่ดิน

       (2) เกษตรกรในพื้นที่นิคมสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จะชะลอการได้รับหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน. 5) ซึ่งเอกสารดังกล่าวสามารถนำไปขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ตามประมวลกฎหมายที่ดินได้ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากสหกรณ์ที่ตนเป็นสมาชิกอยู่ตามมาตรา 40

       (3) เกษตรกรในพื้นที่เกษตรทั่วไป ให้หน่วยงานกำหนดคุณสมบัติหรือเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ของรัฐ ต้องเป็นเกษตรกรที่พื้นที่/แปลงเกษตร ไม่มีการเผาในฤดูกาลการผลิต 2568 และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับรู้ โดยเริ่มดำเนินการเดือนมกราคม 2568 เป็นต้นไป นอกจากนี้ มีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และป้องปรามการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม อาทิ ออกประกาศและแจ้งให้เกษตรกรมาขึ้นทะเบียนและแจ้งจำนวนพื้นที่ที่มีความจำเป็นต้องบริหารการเผาและนำลงระบบปฏิบัติการ ผ่านเว็บไซต์ http:/burncheck.com แอปพลิเคชั่น “burncheck”

       2. การส่งเสริมการเกษตรเพื่อแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ดำเนินการภายใต้หลัก 3R คือ Re-Habit การปรับเปลี่ยนนิสัยหรือพฤติกรรมการปลูกพืชแบบไม่เผา Replace with High value crops การปลูกทดแทนจากพืชล้มลุก เป็นพืชที่มีมูลค่าสูง เช่น ไม้ผล (กาแฟ มะคาเดเมีย อะโวกาโด มะม่วง) หรือ ไม้ยืนต้น (ป่าไม้ และไม้โตเร็วที่มีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอน) และ Replace with Alternate crops การปลูกทดแทนในพื้นที่นาปรัง ซึ่งหากมีการปรับเปลี่ยนจากการปลูกข้าวนาปรังเป็นพืชหลังนาที่มีศักยภาพและใช้น้ำน้อย นอกจากจะเป็นการลดการเผายังเป็นการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินอีกด้วย

       นอกจากนี้ ยังเตรียมเสนอโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ปี 2568 เพื่อขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนเสนอสำนักงบประมาณพิจารณา ได้แก่ โครงการปรับเปลี่ยนพืชที่มีมูลค่าสูง และส่งเสริมการใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายตอซังข้าวเพื่อลดการเผาในพื้นที่เกษตร พื้นที่เป้าหมาย 210,000 ไร่ โครงการบูรณาการผลิตถั่วเหลืองและถั่วเขียวพันธุ์ดีเพื่อส่งเสริมการปลูกพืชหลังนาของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และโครงการพัฒนาเกษตรบนพื้นที่สูงด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำเพื่อลดการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม

 

 


 


ที่มา : https://www.moac.go.th/news-preview-462991792934?fbclid=IwY2xjawHPBeBleHRuA2FlbQIxMAABHf44F5wZWfHKAcbRNLLYRoX5sFYZnz3yYwiBpr5GmE4c7Usw05qY0jAvnw_aem_fR487EI56AR5xEuZ3xOfgA