สปสช. ขยาย ‘ตู้ห่วงใย’ เพิ่ม ทั้งในกรุงเทพฯ – ตจว. ในปี 68 พร้อมทำให้คัดกรองโรคได้มากขึ้น

สปสช. ขยาย ‘ตู้ห่วงใย’ เพิ่ม ทั้งในกรุงเทพฯ – ตจว. ในปี 68 พร้อมทำให้คัดกรองโรคได้มากขึ้น

          สปสช. ขยายตู้ห่วงใยให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในปี 2568 ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด พร้อมยกระดับให้ทำได้มากกว่ารักษา 42 อาการ อาจจะเพิ่มเติมระบบการคัดกรองวัดค่าระดับน้ำตาล เสริมไปกับการวัดความดัน วัดส่วนสูง น้ำหนัก อุณหภูมิ ซึ่งจะทำให้ตู้ห่วงใยเป็นตู้ที่สามารถคัดกรองโรคอย่างครบถ้วน


 

          นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยถึงการขยายนวัตกรรมบริการ ‘ตู้ห่วงใย’ เจ็บป่วยเล็กน้อย 42 อาการ พบแพทย์ผ่านวิดีโอคอล ภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ว่า ในปี 2568 สปสช. จะขยายตู้ห่วงใยให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น หลังเปิดตัวไปแล้วรวม 5 ตู้ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และกระจายไปสู่ต่างจังหวัดด้วยเช่นกัน

          นพ.จเด็จ กล่าวว่า จากการหารือกับภาคเอกชน ที่ผลิตตู้ห่วงใยในขณะนี้ ทราบว่าสามารถผลิตได้เดือนละ 20 ตู้ แต่ สปสช. มองว่าอาจต้องหาผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาเสริมด้วย เนื่องจากต้องการติดตั้งตู้ห่วงใยให้กระจายไปยังจุดที่เป็นเป้าหมายตามข้างต้นให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมไปถึงในอนาคตตู้ห่วงใย ที่นอกจากให้บริการพบแพทย์ทางไกลรักษา 42 อาการแล้ว อาจจะเพิ่มเติมระบบการคัดกรองวัดค่าระดับน้ำตาล เสริมไปกับการวัดความดัน วัดส่วนสูง น้ำหนัก อุณหภูมิ ซึ่งจะทำให้ตู้ห่วงใยเป็นตู้ที่สามารถคัดกรองโรคอย่างครบถ้วน

          “รวมถึงจะมีการเพิ่มเติมตู้อัตโนมัติ (Vending Machine) ที่ประชาชนสิทธิบัตรทอง รวมถึงสิทธิอื่นๆ ได้เข้าถึงบริการสร้างเสริมและสุขภาพป้องกันโรค (P&P) ในระบบหลักประกันสุขภาพฯ โดยเฉพาะการรับชุดตรวจคัดกรองโรคด้วยตนเองตามสิทธิประโยชน์ เช่น ชุดตรวจพยาธิใบไม้ตับ การรับถุงยางอนามัย เป็นต้น ซึ่งเป็นบริการที่จะเสริมเติมอีกในอนาคต ติดตั้งอยู่ข้างตู้ห่วงใย ซึ่งจะช่วยให้การเข้าถึงบริการสุขภาพดีมากขึ้น” เลขาธิการ สปสช. กล่าว

          ทั้งนี้ สปสช. จะมุ่งติดตั้งไปยังจุดที่เป็นชุมชนแออัด ที่ประชากรเข้าถึงบริการสุขภาพได้ไม่ค่อยสะดวก จุดที่ประชาชนสัญจรจำนวนมาก เช่น สถานีขนส่งมวลชน เช่น สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) ที่ล่าสุดมีตู้ห่วงใยติดตั้งแล้วจำนวน 2 ตู้ เพื่อรองรับการให้บริการกับประชาชนสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) และต่อไป สปสช. จะให้ติดตั้งตู้ห่วงใยที่โรงพยาบาล หรือสถานพยาบาล ที่ไม่มีแพทย์นอกเวลาให้บริการด้วย เพื่อปิดช่องโหว่การเข้าไม่ถึงบริการ และเพิ่มการเข้าถึงบริการในเวลาที่ประชาชนมีความสะดวก

          อย่างไรก็ดี ปัจจุบันในการพบแพทย์ผ่านตู้ห่วงใยนั้น ยังมีข้อจำกัดในเรื่องการให้บริการนอกเวลาอยู่ ซึ่งจริงๆ แล้วจะต้องสามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับการให้บริการของประชาชน แต่ทางภาคเอกชนที่เป็นผู้ผลิตตู้ห่วงใย และจัดบริการให้ทั้งระบบตามสิทธิประโยชน์ และหลักเกณฑ์ของ สปสช. นั้น ยังมีข้อจำกัดในการจ้างแพทย์นอกเวลาโดยขณะนี้มีแพทย์ประจำอยู่ทั้งหมด 19 คน โดยหมุนเวียนกันเพื่อมาให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป 42 กลุ่มอาการ จึงยังเป็นการให้บริการตั้งแต่ 06.00 – 20.00 น. ของทุกวันก่อน

          นพ.จเด็จ กล่าวต่อไปว่า อีกทั้งด้วยระบบการพบแพทย์เพื่อรักษาโรคผ่านตู้ห่วงใย จะใช้ระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ซึ่งเมื่อประชาชนเข้ามารับบริการที่ตู้ห่วงใย จะต้องได้พบกับแพทย์ทันที ทว่า ด้วยข้อจำกัดดังกล่าว อาจทำให้แพทย์ไม่สามารถมาได้ในทันที กระนั้นทางผู้ผลิต และจัดบริระบบของตู้ห่วงใย ก็มีการเตรียมบุคลากรสาธารณสุข มาช่วยคัดกรอง และพูดคุยกับผู้ป่วยในเบื้องต้น ก่อนที่จะมีแพทย์เข้ามาสู่ระบบเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยผ่านระบบของตู้ห่วงใยด้วย ซึ่งเป็นอีกรูปแบบการบริหารจัดการที่ไม่ให้ประชาชนรอพบแพทย์ทางไกลนานเกินไป และทำให้แพทย์ได้ข้อมูลผู้ป่วยก่อนการวินิจฉัยและรักษากันต่อไป

 


 

ที่มา : https://www.thecoverage.info/news/content/7917