โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้สูงอายุ

สรุปโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้สูงอายุ  < Last Update 24 ม.ค. 68 เวลา 14.28 น. >

  • ผู้มีสิทธิ: ต้องมีสัญชาติไทย อายุ 60 ปีขึ้นไป รายได้และเงินฝากไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด และต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐสำเร็จแล้ว อ่านเพิ่มเติม
    ** หากไม่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ ระหว่างวันที่ 1 ส.ค. – 15 ก.ย. 67 ก็ไม่มีสิทธิในรอบนี้ 
  • ข้อจำกัด: ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิในโครงการอื่นมาก่อน ไม่อยู่ในสถานสงเคราะห์ และไม่เป็นผู้ต้องขัง
  • ตรวจสอบสิทธิ: ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่ 22 มกราคม 2568 อ่านเพิ่มเติม
  • วิธีจ่ายเงิน: โอนเงิน 10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน อ่านเพิ่มเติม
  • วันที่จ่ายเงิน อ่านเพิ่มเติม
    –  ครั้งแรก: 27 ม.ค. 68 **ผูกพร้อมเพย์ภายในวันที่ 22 ม.ค. 68
    –  ซ้ำ ครั้งที่ 1: 28 ก.พ 68 **ผูกพร้อมเพย์ภายในวันที่ 25 ก.พ. 68
    –  ซ้ำ ครั้งที่ 2: 28 มี.ค. 68 **ผูกพร้อมเพย์ภายในวันที่ 25 มี.ค. 68
    –  ซ้ำ ครั้งที่ 3: 28 เม.ย. 68 **ผูกพร้อมเพย์ภายในวันที่ 23 เม.ย. 68
  • กรณีมีสิทธิแต่ไม่ได้รับเงิน:
    –  ตรวจสอบการผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน
    –  หากผูกแล้ว สถานะบัญชี ยังปกติหรือไม่ (เช็คกับธนาคาร)

1. ข้อมูลพื้นฐานของโครงการ

ที่มาของการดำเนินโครงการ

       คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ (โครงการฯ) ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 โดยมีนโยบายสำคัญที่จะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ โดยให้ความสำคัญ กับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก

เหตุผลความจำเป็นของการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ

       การดำเนินโครงการฯ เป็นการขยายผลกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการ แห่งรัฐและคนพิการ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้แก่กลุ่มเปราะบางให้ครอบคลุมกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผู้สูงอายุจะสามารถใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตตามความจำเป็นของตน ทั้งยังส่งผลต่อการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้เพิ่มเติม และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว นอกจากนี้ การดำเนินโครงการฯ จะช่วยส่งเสริมความอยู่ดีมีสุข (Well-being) ของผู้สูงอายุที่ดีขึ้นอย่างรอบด้าน เช่น สุขภาพอนามัย สภาพความเป็นอยู่ มาตรฐานการดำรงชีวิต ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวและชุมชน เป็นต้น

วัตถุประสงค์ของโครงการ

  1. เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
  2. ช่วยเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ

2. กลุ่มเป้าหมายและสิทธิ

กลุ่มเป้าหมาย

  1. ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 สำเร็จ
  2. มีสัญชาติไทย
  3. มีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 (เกิดก่อนหรือในวันที่ 16 กันยายน 2507)
  4. ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
  5. ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 โดยตรวจสอบ
    ข้อมูลเงินฝาก 6 ประเภท ได้แก่
         (1) เงินฝากกระแสรายวัน
         (2) เงินฝากออมทรัพย์
         (3) เงินฝากประจำ
         (4) บัตรเงินฝาก
         (5) ใบรับเงินฝาก และ
         (6) ผลิตภัณฑ์เงินฝากในชื่อเรียกอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกับ ข้อ (1) – (5)
         ทั้งนี้ เงินฝากดังกล่าวให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น
    และไม่รวมถึงกรณีบัญชีเงินฝากประเภทบัญชีร่วม บัญชีเพื่อ และบัญชีโดย
  6. ไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
  7. ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ได้แก่ นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
  8. ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ

เงื่อนไขสำหรับกลุ่มเป้าหมายของโครงการ

  1. กลุ่มเป้าหมายตามโครงการฯ ต้องปฏิบัติตามสาระสำคัญของโครงการฯ รวมถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ และต้องมีคุณสมบัติตามที่โครงการฯ กำหนด
  2. ห้ามกลุ่มเป้าหมายตามโครงการฯ กระทำการใด ๆ ที่สร้างความเข้าใจผิดต่อมาตรการและ/หรือโครงการของรัฐ หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการฯ หรือมาตรการ/โครงการใด ๆ ของรัฐ
  3. หากพบว่ากลุ่มเป้าหมายตามโครงการฯ ขาดคุณสมบัติหรือไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ กลุ่มเป้าหมายตามโครงการฯ จะต้องชดใช้ความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นให้แก่รัฐภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งถึงการกระทำดังกล่าว โดยชดใช้ความเสียหายผ่านช่องทางที่กระทรวงการคลังกำหนด
  4. กระบวนการพิจารณาและดำเนินการตามข้อ 3 ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด

3. การตรวจสอบและดำเนินการ

ช่องทางและวันที่ตรวจสอบสิทธิการได้รับเงินในโครงการ ฯ

  • สามารถตรวจสอบสิทธิผ่าน แอปพลิเคชั่นทางรัฐ ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

วิธีการตรวจสอบสิทธิการได้รับเงินในโครงการ ฯ

  1. เปิด แอปพลิเคชั่นทางรัฐ
  2. กรอกบัญชีผู้ใช้หรือเลขประจำตัวประชาชน (Username) และรหัสผ่าน (Password) เพื่อ “เข้าสู่ระบบ” ให้เรียบร้อย
  3. กด “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เพื่อเข้าสู่หน้าแสดงผลผู้มีสิทธิโครงการฯ
    ** กรณีผู้ใช้งาน ทำการยืนยันตัวตนของแอป ฯ ทางรัฐ ไม่ครบถ้วน ระบบอาจมีแจ้งให้ผู้ใช้งาน ใส่เบอร์โทรศัพท์มือถือ และกรอกรหัส OTP ยืนยันตัวตนเพื่อใช้งานแอปฯ หรือต้องไปยืนยันตัวตนตามที่แอปฯ ทางรัฐแจ้ง
  4. ระบบจะแสดงผลสถานะในการรับสิทธิตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่าอยู่ในขั้นตอนใด
    –  หากอยู่ในขั้นตอนที่ 3 คือระบบอยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ
    –  หากอยู่ในขั้นตอนที่ 4 คือไม่ได้รับสิทธิ
    –  หากอยู่ในขั้นตอนที่ 5 คือได้รับสิทธิตามโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท

กรณีเป็นผู้มีสิทธิ

  • ต้องมีบัญชีธนาคาร (ธนาคารใดก็ได้) ที่
    –  ผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน (ดำเนินการภายในวันที่ 22 มกราคม 2568) และ
    –  บัญชีธนาคารนั้นมีสถานะพร้อมใช้งาน
  • จะได้รับเงินในรอบการจ่ายเงินครั้งแรก วันที่ 27 มกราคม 2568

วิธีตรวจสอบพร้อมเพย์ ผูกบัญชีธนาคารไหน/ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนหรือเบอร์โทรศัพท์

วิธีที่ 1 : ใช้แอป ฯ ของธนาคาร

        • เข้าแอป ฯ ของธนาคารที่เรามี > ไปที่เมนู “พร้อมเพย์”
        • กรณีต่างธนาคาร: ระบบจะแจ้งว่าบัญชีพร้อมเพย์ผูกอยู่กับธนาคารอะไร และใช้เลขบัตรประชาชนหรือเบอร์โทรศัพท์ในการผูก
        • กรณีธนาคารที่เราผูกพร้อมเพย์ไว้: ระบบจะแจ้งว่าผูกกับเลขบัญชีใด และใช้เลขบัตรประชาชนหรือเบอร์โทรศัพท์ในการผูก

วิธีที่ 2 : ติดต่อธนาคาร

        • โทรศัพท์สอบถามธนาคารที่ท่านที่มีบัญชีเงินฝาก เพื่อสอบถามว่าพร้อมเพย์ผูกกับธนาคารอะไร

กรณีเป็นผู้มีสิทธิแล้วไม่ได้รับเงินต้องทำอย่างไร

     ตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐแล้วพบว่า เป็นผู้มีสิทธิในโครงการฯ แต่ยังไม่ได้รับเงิน ให้ดำเนินการดังนี้

    1. ตรวจสอบว่าได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนเรียบร้อยแล้วหรือไม่
    2. บัญชีพร้อมเพย์ดังกล่าว มีสถานะพร้อมใช้รับเงินได้ตามปกติหรือไม่ โดยติดต่อสอบถามจากธนาคารที่มีบัญชีอยู่ และเมื่อดำเนินการแล้วให้รอรับเงินในรอบการ Retry ถัดไป

กรณีไม่พบข้อมูล

  • ไม่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ ให้สำเร็จระหว่างวันที่ 1 ส.ค. – 15 ก.ย. 67 
  • ไม่สามารถลงทะเบียนใหม่ ให้รอประกาศจากกระทรวงการคลัง
  • กรณียืนยันว่าที่ท่านลงทะเบียนผ่านแอป ฯ ทางรัฐ สำเร็จแล้วแน่นอน
    –  ให้ร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร ผ่าน ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 
    –  หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ☎️ โทร. 1111

กรณีไม่ได้รับสิทธิ

  • ระบบจะแจ้งเหตุผล/เกณฑ์ที่ไม่ผ่านในแต่ละท่าน
  • ท่านสามารถติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถาม/ตรวจสอบข้อมูลได้ 
เหตุผล/เกณฑ์ที่ไม่ผ่านติดต่อ
 ไม่ผ่านเกณฑ์เงินฝาก – ธนาคารพาณิชย์
 – สถาบันการเงินเฉพาะกิจ
 รายได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท ในปีภาษี 2566 – กรมสรรพากรในพื้นที่
 – กรมสรรพากร ☎️ 0 2272 8000 (เวลา 08.30 – 18.00 น. อัตราค่าบริการปกติ )
 – สัญชาติและวันเดือนปีเกิด
 – ข้อมูลผู้เสียชีวิต
 – ถูกจำหน่ายออกจากฐานข้อมูลทะเบียนกลาง
 – เทศบาล/สำนักงานเขต/ที่ว่าการอำเภอ
 – กรมการปกครอง ☎️ 1548 (เวลา 08.00 – 16.30 น. ทุกวันเวลาราชการ อัตราค่าบริการปกติ)
 เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ – ตรวจสอบสิทธิ https://โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ2567.cgd.go.th
 – กรมบัญชีกลาง ☎️0 2270 6400 (ในวันและเวลาทำการ อัตราค่าบริการปกติ)
 เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท – กรมราชทัณฑ์ ☎️ 0 2967 2222 (ในวันและเวลาทำการ อัตราค่าบริการปกติ)
 เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัด พม. – กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ☎️ 1300 (24 ชั่วโมง ฟรี)
 เป็นบุคคลล้มละลาย – กรมบังคับคดี ☎️ 1111 ต่อ 79 (ทุกวันเวลาราชการ ฟรี)
– พัฒนาและกำกับดูแลแอปพลิเคชันทางรัฐ
– รับลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ และมีข้อมูลว่าลงทะเบียนสำเร็จหรือไม่สำเร็จ
– ประมวลผลข้อมูลสัญชาติและวันเดือนปีเกิดที่ได้รับจากกรมการปกครอง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติด้านสัญชาติและอายุ (60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เกิดก่อนหรือในวันที่ 16 กันยายน 2507)
– แสดงผลการได้รับสิทธิและผลการจ่ายเงินของโครงการฯ
– สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ☎️ 0 2612 6060 (ในวันและเวลาทำการ อัตราค่าบริการปกติ)

.

  • หากพบว่าผลการตรวจสอบไม่ตรงกับแอปฯ ทางรัฐ
    –  ให้ร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร ผ่าน ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 
    –  เจ้าหน้าที่จะนำข้อร้องเรียนที่โต้แย้งไปตรวจสอบให้ และหากพบว่าได้รับสิทธิจริงก็จะจ่ายเงินให้ต่อไป
    –  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ☎️ โทร.1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
  • อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้เปิดช่องทางให้แก้ไขข้อมูล เนื่องจากคนที่ไม่ได้รับสิทธิเป็นผู้ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์คุณสมบัติ อาทิ รายได้เกิน สินทรัพย์เกิน ดังนั้นจะไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้ แต่สามารถแจ้งเรียนร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล

กรณีต้องการร้องเรียนเกี่ยวกับผลการตรวจสอบสิทธิของตนในโครงการฯ

แนะนำให้ดำเนินการแจ้งเรื่องร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล หรือหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องตามแต่กรณี เพื่อให้มีข้อมูลที่ชัดเจน สำหรับใช้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิต่อไป

1. ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล

        • กรอกแบบฟอร์มพร้อมแนบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
          🌐
           https://www.1111.go.th/
          – 📱 แอปพลิเคชั่น PSC 1111
        • ติดต่อด้วยตนเอง พร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ ณ จุดบริการประชาชน 1111 (Counter Service) ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ชั้น 1 อาคารสำนักงาน ก.พ. (เดิม) ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กทม. 10300 (ตรงข้าม ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล) เปิดให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.30 -16.30 น.
        • ส่งเอกสารผ่านไปรษณีย์ ทาง ตู้ ปณ.1111 ปณ.ทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต รหัสไปรษณีย์ 10302 (ไม่ต้องติดแสตมป์) 

หมายเหตุ : ผู้ร้องจะต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนโครงการ ฯ ผ่านแอป ฯ ทางรัฐ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567) สำเร็จแล้วเท่านั้น

เอกสารประกอบคำร้อง

เหตุผล/เกณฑ์ที่ไม่ผ่าน เอกสารที่ต้องใช้
 ไม่พบข้อมูล​ / ไม่ได้ลงทะเบียนให้สำเร็จ  – ภาพบันทึกหน้าจอของแอป ฯ ทางรัฐ ก่อนกำหนดการตรวจสอบสิทธิ์ หลังการตรวจสอบสิทธิ์แล้ว และสถานะล่าสุด
 ไม่ผ่านเกณฑ์เงินฝาก  – เอกสารรับรองจากทุกธนาคารที่มีบัญชีเงินฝาก ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่รวมกันแล้วไม่เกิน 500,000 บาท
 รายได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท ในปีภาษี 2566  – แบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90, 91, 94 หรือเอกสารยืนยันการมีรายได้จากกรมสรรพากร
 – สัญชาติและวันเดือนปีเกิด – ข้อมูลผู้เสียชีวิต – ถูกจำหน่ายออกจากฐานข้อมูลทะเบียนกลาง  – สำเนาบัตรประชาชน – สำเนาทะเบียนบ้าน – ภาพบันทึกหน้าจอของแอป ฯ ทางรัฐ ก่อนกำหนดการตรวจสอบสิทธิ์ หลังการตรวจสอบสิทธิ์แล้ว และสถานะล่าสุด
 เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ  – ภาพบันทึกหน้าจอตรวจสอบสิทธิโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ https://โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ2567.cgd.go.th
 เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท  – เอกสารรับรองจากกรมราชทัณฑ์ว่าไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภทของกรมกรมราชทัณฑ์  ได้แก่ นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูล ของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
 เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัด พม.  – เอกสารรับรองจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่าไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 
 เป็นบุคคลล้มละลาย  – ยื่นคำร้องขออนุญาตเปิด/ใช้บัญชีเพื่อรับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ณ สำนักงานบังคับคดีที่สะดวก เพื่อขอหนังสืออนุญาตให้เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารและผูกพร้อมเพย์เพื่อรับเงินตามโครงการฯ

กรณีไม่ได้ลงทะเบียนให้สำเร็จ

  • กรณีประชาชนลงทะเบียนอยู่ขั้นตอนที่ 3 แล้ว ไม่เคยแก้ไขข้อมูลใดๆ พอมาตรวจสอบสิทธิวันนี้ ระบบแจ้งว่า ท่านไม่ได้ลงทะเบียนให้สำเร็จ
  • ให้ลองปิดแอปฯ ทางรัฐ แล้วเข้าใหม่อีกครั้ง

4. การจ่ายเงินและเงื่อนไข

วิธีจัดสรรหรือโอนเงิน 10,000 บาทต่อคน

  • กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงิน 10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนของกลุ่มเป้าหมาย
  • ไม่มีการโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับหมายเลขโทรศัพท์

การผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน

กรณียังไม่เคยผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน

    • สามารถผูกกับบัญชีเงินฝากของธนาคารใดก็ได้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นธนาคารของรัฐ
    • ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 22 มกราคม 2568
    • เพื่อรอรับการจ่ายเงินครั้งแรก ในวันที่ 27 มกราคม 2568

เคยผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน

    • ดำเนินการตรวจสอบบัญชีธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนว่าเป็นบัญชีที่ยังสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่

กรณีผู้สูงอายุไม่สามารถผูกพร้อมเพย์ได้

    • แนะนำให้ญาติไปติดต่อธนาคารเพื่อขอใบมอบอำนาจทำการผูกพร้อมเพย์แทน

กำหนดการจ่ายเงิน

จ่ายเงินครั้งแรก

    • วันที่ 27 มกราคม 2568
    • สำหรับผู้ได้รับสิทธิในโครงการ ฯ ที่ดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ภายในวันที่ 22 มกราคม 2568

กรณีที่จ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ไม่สำเร็จในครั้งแรก

    • จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจำนวน 3 ครั้ง 
รอบจ่ายซ้ำวันที่จ่ายเงินผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน
ครั้งที่ 128 กุมภาพันธ์ 256825 กุมภาพันธ์ 2568
ครั้งที่ 228 มีนาคม 256825 มีนาคม 2568
ครั้งที่ 328 เมษายน 256823 เมษายน 2568

 

เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3

    • รัฐจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมาย ไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ

การตรวจสอบผลการจ่ายเงิน

ผู้ได้รับสิทธิในโครงการ ฯ สามารถตรวจสอบผลการจ่ายเงิน ผ่านแอปพลเคชั่น “ทางรัฐ” ได้ในวันถัดจากวันที่รัฐจ่ายเงิน

    • ตรวจสอบผลการจ่ายเงิน ครั้งแรก ในวันที่ 28 มกราคม 2568 
    • ตรวจสอบผลการจ่ายเงินซ้ำ ครั้งที่ 1 ในวันที่ 1 มีนาคม 2568 
    • ตรวจสอบผลการจ่ายเงินซ้ำ ครั้งที่ 2 ในวันที่ 29 มีนาคม 2568 
    • ตรวจสอบผลการจ่ายเงินซ้ำ ครั้งที่ 3  ในวันที่ 30 เมษายน 2568 

เงื่อนไขการจ่ายเงิน

การใช้จ่าย

    • เงินจำนวน 10,000 บาท สามารถนำไปจับจ่ายใช้สอย โดยไม่กำหนดเงื่อนไขในการใช้จ่าย

กรณีบุคคลล้มละลาย

    • เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมีหนังสืออนุญาตให้เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารและผูกพร้อมเพย์เพื่อรับเงินตามโครงการฯ โดยอนุญาตให้เบิกถอนเงินจำนวน 10,000 บาท
    • ไม่อนุญาตให้ทำบัตรกดเงินสด (ATM) หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
    • ห้ามทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
    • เมื่อผู้มีสิทธิตามโครงการฯ เบิกถอนเงินครบ 10,000 บาท
      –  ธนาคารจะปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าว
      –  หากมีเงินเหลือในบัญชีธนาคารจะส่งต่อให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
    • สอบถามแนวปฏิบัติสำหรับผู้ที่ถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายเพิ่มเติม
      ติดต่อ กรมบังคับคดี ☎️ 1111 ต่อ 79

กรณีมีความประสงค์จะคืนเงินโดยสมัครใจ

ในกรณีที่กลุ่มเป้าหมายได้รับเงินตามโครงการฯ แล้ว แต่มีความประสงค์จะคืนเงินโดยสมัครใจ

    • ให้ติดต่อขอรับเอกสารที่ใช้สำหรับการคืนเงินได้ที่สำนักงานคลังจังหวัดหรือกรมบัญชีกลาง
    • นำเงินไปคืนได้ที่สาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทั่วประเทศ

5. การติดต่อสอบถาม

ช่องทางหลักในการตรวจสอบผลการลงทะเบียน ตรวจสอบสิทธิ และผลการได้รับเงินในโครงการฯ

    • แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”

เว็บเพจรวบรวมข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ของโครงการฯ

Call Center สำหรับสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

    • ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน
      –  โทร. 1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
      –  Facebook : GCC1111
      –  X : GCC_1111
      –  Instagram : GCC_1111
      –  Tiktok : @gcc_1111
      –  E-mail : Contact_1111@gcc.go.th

ถามตอบ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ

       ผู้สูงอายุตามกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ เป็นกลุ่มที่ผ่านการคัดกรองแล้วว่ามีสถานภาพด้านรายได้และเงินฝากค่อนข้างจำกัด จึงถือเป็นผู้ที่ค่อนข้างมีความเปราะบางที่มีความโน้มเอียงหน่วยสุดท้ายในการบริโภค (Marginal Propensity to Consume: MPC) สูงกว่ากลุ่มประชากรที่มีรายได้สูง ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้จ่ายเงินหมดทั้งจำนวน ทั้งนี้ คาดว่า การดำเนินโครงการฯ จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.07 – 0.1 ต่อปี เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีโครงการฯ

        นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาไว้เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 โดยมีนโยบายที่จะดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 3 สำหรับบุคคลทั่วไป โดยจะได้รับเงินผ่าน Digital Wallet ในปี 2568

        ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญเชื่อมต่อระหว่างรัฐบาลกับประชาชนมากยิ่งขึ้น จึงขอให้รอติดตามข่าวสารเพื่อรับทราบความคืบหน้าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจากรัฐบาลต่อไป

ติดต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ณ สำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศที่อยู่ใกล้บ้านท่าน

  • เพื่อขอหนังสือไปยื่นธนาคารอนุญาตให้ทำการเปิดบัญชีเงินฝากใหม่
  • หรือมีคำสั่งอนุญาตให้ใช้บัญชีเงินฝากที่มีอยู่แล้วสำหรับการรับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567

ถามตอบ บัญชีธนาคาร / พร้อมเพย์

  • เจ้าของบัญชีสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สาขาเจ้าของบัญชี หรือต่างสาขาได้ทุกสาขา และหมายเลข โทรศัพท์ของแต่ละธนาคาร
  • กรณีสมัครบริการพร้อมเพย์จากหมายเลขโทรศัพท์ไว้ ไม่จำเป็นต้องยกเลิก สามารถสมัครบริการพร้อมเพย์จากบัตรประชาชนเพิ่มได้
  • บัญชีเงินฝากสามารถสมัครบริการพร้อมเพย์ได้ 4 ID คือ 1 หมายเลข บัตรประชาชนและ 3 หมายเลขโทรศัพท์
  • สามารถสมัครบริการพร้อมเพย์ได้แก่
    (1) สาขาธนาคาร
    (2) ตู้ ATM/ADM
    (3) แอปพลิเคชันของ ธนาคาร และ
    (4) ช่องทางอื่น ๆ ที่แต่ละธนาคารกำหนด
  • สอบถามได้ที่สาขาธนาคารเจ้าของบัญชีที่สมัครพร้อมเพย์/ต่างสาขาได้ทุกสาขา และ Contact Center/Call Center ของแต่ละธนาคาร
  • ติดต่อสาขาธนาคารที่เปิดบัญชีไว้ เพื่อเปิดบัญชีใหม่ และสมัครบริการพร้อมเพย์ใหม่
  • สามารถใช้บริการของธนาคารตามช่องทาง เช่น
    (1) สาขาธนาคารทุกสาขา
    (2) ตู้ ATM/ADM
    (3) Contact Center/Call Center

กรณีผู้สูงอายุเป็นผู้พิการและเป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องตั้งเรื่องต่อศาลขอให้มีการแต่งตั้งผู้อนุบาลก่อน จึงจะสามารถทำเรื่องเพื่อขอเปิดบัญชีได้

Last Update 30 ม.ค. 68 เวลา 08.55 น.