กำหนดการ
- 1 พฤศจิกายน 2561 – 30 กันยายน 2563 (เดิมสิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2562)
- โดยจะคำนวณ Vat วันที่ 1 – 30 ของเดือน
เงื่อนไข
- เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ชำระราคาสินค้าและบริการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ไม่รวมสินค้าและบริการที่มีภาษีสรรพสามิต) ที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ หรื
- ร้านค้าเอกชนที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผ่านเครื่อง EDC ที่มีการเชื่อมต่อระบบ POS
โดยเงินคืนภาษีจะคิดจากยอดรวมค่าใช้จ่ายของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในแต่ละเดือน - วงเงินคืน VAT7% จะต้องได้ไม่เกิน 500 บาทต่อเดือน
สิ่งที่ควรรู้ คือ
- สินค้าบางรายการไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น เนื้อหมู, เนื้อเป็ด, เนื้อไก่, ผัก หรือของสดต่างๆ ตามตลาดสด
- คนที่รูดบัตรกับร้านธงฟ้า ถ้ารูดซื้อสินค้าที่มีภาษี ก็มีโอกาสได้เงินคืนมากกว่าคนที่รูดซื้อของสด
ภาษี VAT 7% จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้
- ร้อยละ 1 ยอดนี้ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจริง
- ร้อยละ 5 กรมบัญชีกลางจะโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯ แต่ละเดือนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป (E-Money ในระยะแรกต้องกดเงินสดเท่านั้น)
- ร้อยละ 1 จะโอนผ่านกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ให้กับบัญชีของผู้มีรายได้น้อยที่เป็นสมาชิก กอช.
วิธีคำนวนเงินคืน
ภาษี 7% จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
- จำนวน 1% หมายถึง เวลาซื้อสินค้า คุณต้องจ่ายภาษี 1% (ปกติจ่าย 7%)
- จำนวน 5% หมายถึง จะได้รับคืนเงิน จากการโอนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Money) ทุกวันที่ 15 ของเดือน “เงินส่วนนี้สามารถกดเป็นเงินสดออกมาใช้ได้”
- จำนวน 1% หมายถึง เงินจำนวนนี้จะเก็บเข้าบัญชีกองทุนการออมแห่งชาติ
ตัวอย่างวิธีคิด
หากซื้อผงซักฟอก จากร้านธงฟ้าประชารัฐ ราคา 215 บาท (ผงซักฟอกมีภาษีมูลค่าเพิ่ม อยู่ในราคาจริง 7%) เงินจะถูกแบ่งเป็นสูตร 1: 5 : 1 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 15.05 บาท โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังต่อไปนี้
- ส่วนที่ 1 คุณจ่ายเงินเป็นจำนวน 1% เท่ากับ 2.15 บาท
- ส่วนที่ 2 คุณได้รับเงินคืนเป็นจำนวน 5% เท่ากับ 10.75 บาท
- ส่วนที่ 3 เงินของคุณจะเข้าไปเป็นเงินออม 1% เท่ากับ 2.15 บาท
หากได้รับเงินคืน 500 บาท (จำนวนเงินสูงสุดที่รัฐจะให้) ชาวบ้านต้องเติมเงินใส่เข้าไปในกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการ ประมาณ 7,000-8,000 บาทต่อเดือน
ที่มา
