มาตรการ “การยกระดับความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking”

สรุปสาระสำคัญมาตรการยกระดับความปลอดภัย การใช้ Mobile Banking ให้ชื่อผู้ใช้งานตรงกับชื่อเจ้าของซิมมือถือ เพื่อป้องกันอาชญากรรมออนไลน์

เป้าหมาย: เพื่อป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์และบัญชีม้า

ข้อกำหนด: ชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ต้องตรงกับชื่อเจ้าของซิมโทรศัพท์

เป้าหมาย: หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ 120 ล้านหมายเลข และแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ที่ข้อมูลตรงกัน (M) ผู้ที่ข้อมูลไม่ตรงกัน (N) และผู้ที่ไม่มีข้อมูลเจ้าของซิม (P)

วิธีดำเนินการ: 

    • กลุ่ม N และ P ธนาคารจะแจ้งให้ลูกค้าอัปเดตข้อมูลภายใน 90 วัน (สิ้นสุด 30 เมษายน 2568) หากไม่ดำเนินการ อาจถูกระงับการใช้งาน Mobile Banking ชั่วคราว
    • ประชาชนที่ไม่ได้รับแจ้งจากธนาคารผ่าน Mobile Banking ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ
    • การแจ้งเตือนจะมาจาก Mobile Banking เท่านั้น ไม่มีการแจ้งเตือนผ่าน SMS หรือโทรศัพท์

ข้อยกเว้น: ยกเว้นหน่วยงานราชการ นิติบุคคล และบุคคลที่มีข้อจำกัดเฉพาะ 

1. ภาพรวมของมาตรการ

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แถลงมาตรการ “การยกระดับความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking” เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และบัญชีม้า โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมดำเนินการ

2. เป้าหมายของมาตรการ

  • ป้องกันการใช้บัญชีม้าในการทำธุรกรรมทางการเงิน
  • ตรวจสอบให้ชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ตรงกับชื่อเจ้าของซิมโทรศัพท์
  • ลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงและอาชญากรรมออนไลน์

3. การตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ 120 ล้านหมายเลข และแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่:

    1. กลุ่ม M (ชื่อเจ้าของซิมตรงกับ Mobile Banking) จำนวน 75.8 ล้านหมายเลข (63.02%)
    2. กลุ่ม N (ชื่อเจ้าของซิมไม่ตรงกับ Mobile Banking) จำนวน 30.9 ล้านหมายเลข (25.68%)
    3. กลุ่ม P (ไม่มีข้อมูลเจ้าของซิม) จำนวน 13.5 ล้านหมายเลข (11.29%)

4. แนวทางการดำเนินการ

สำหรับกลุ่ม N และ P

    • ธนาคารจะแจ้งลูกค้าผ่าน Mobile Banking ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568
    • ลูกค้าต้องอัปเดตข้อมูลให้ตรงกันภายใน 90 วัน (สิ้นสุด 30 เมษายน 2568)
    • หากไม่ดำเนินการ อาจถูกระงับการใช้งาน Mobile Banking ชั่วคราว

วิธีตรวจสอบความเป็นเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ด้วยตนเอง

    • กด *179*หมายเลขบัตรประชาชน13หลัก# แล้วกดโทรออก
    • รอรับ SMS แจ้งผล ใช้เวลาประมาณ 1 – 3 นาที 

หากชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ไม่ใช่ชื่อของเรา ต้องทำอย่างไร

    • ติดต่อศูนย์บริการของผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อเปลี่ยนแปลงชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์หรือเจ้าของซิม

กรณีไม่เคยลงทะเบียนซิม

      • ทำการลงทะเบียนชื่อเจ้าของซิมให้ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking 

เคยลงทะเบียนซิม แต่ชื่อเจ้าของซิมโทรศัพท์ไม่ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking

    • ทางเลือกที่ 1 : ติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของท่าน
      เพื่อขอเปลี่ยนแปลงชื่อเจ้าของเบอร์โทรศัพท์มือถือให้ตรงกับชื่อบัญชีธนาคาร
    • ทางเลือกที่ 2 : ติดต่อสาขาของธนาคาร
      เพื่อเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับโมบายแบงก์กิ้ง ให้ตรงกับชื่อเจ้าของเบอร์โทรศัพท์มือถือ
    • ทางเลือกที่ 3 : กรณีต้องการขอยกเว้นมาตรการนี้
      ท่านสามารถติดต่อสาขาของธนาคาร เพื่อยื่นคำขอเข้ากลุ่มยกเว้น เช่น บุคคลในครอบครัว ผู้ไร้ความสามารถ ผู้เสมือนไร้ความสามารถ ผู้พิการ และกลุ่มนิติบุคคล โดยท่านจะต้องแสดงเอกสารยืนยันตัวตนและเอกสารพิสูจน์ความสัมพันธ์

5. ข้อควรระวังและการแจ้งเตือน

  • ประชาชนที่ไม่ได้รับแจ้งจากธนาคารผ่าน Mobile Banking ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ
  • การแจ้งเตือนจะมาจาก Mobile Banking เท่านั้น ไม่มีการแจ้งเตือนผ่าน SMS หรือโทรศัพท์

6. ข้อยกเว้นของมาตรการ

มาตรการนี้มีการยกเว้นสำหรับกลุ่มบุคคลบางประเภท เช่น

    • เบอร์ที่จดทะเบียนในนามหน่วยงานราชการหรือองค์กร
    • ลูกค้าที่มีข้อจำกัดเฉพาะทางกฎหมาย
    • สมาชิกในครอบครัว (ต้องมีเอกสารยืนยัน)
    • นิติบุคคลที่ใช้งานในองค์กร (ต้องมีเอกสารรับรอง)
    • ผู้พิการหรือผู้ไร้ความสามารถ (ต้องมีเอกสารทางกฎหมาย)

ท่านสามารถติดต่อสาขาของธนาคาร เพื่อยื่นคำขอเข้ากลุ่มยกเว้น โดยใช้เอกสารดังต่อไปนี้

กลุ่มที่เข้าข่ายข้อยกเว้นนิยามประเภทเอกสารที่นำมาแสดงความสัมพันธ์
บุคคลในครอบครัว– พ่อ แม่ บุตร ธิดา
– พี่ น้อง
– ปู่ ย่า ตา ยาย
– คู่สมรส (จดทะเบียน)

1. เอกสารแสดงความสัมพันธ์ ได้แก่ เอกสารที่ออกโดยหน่วยงานทางการไทยหรือรัฐในประเทศนั้นออกให้ เช่น ทะเบียนบ้าน สูติบัตร ทะเบียนสมรส เป็นต้น และ
2. เอกสารแสดงความเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ เช่น ใบกำกับภาษี / ใบเสร็จ ค่าโทรศัพท์ (กรณี Sim แบบเติมเงิน ให้ออกใบกำกับภาษีที่ shop ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ)

นิติบุคคลบริษัทเอกชน หน่วยงานของรัฐ หรือนิติบุคคลอื่นตามกฎหมาย (กรณีที่เบอร์โทรศัพท์มือถือลงทะเบียนในนามนิติบุตตลและให้พนักงานในองค์กรใช้งาน)เอกสารหนังสือรับรองจากบริษัท ที่มีข้อความระบุให้ชัดเจน “ระบุชื่อพนักงาน เบอร์โทรศัพท์และอนุญาตให้ใช้เบอร์โทรศัพท์ผูก Mobile Banking”
ผู้ที่ต้องได้รับความดูแล
ตามกฎหมาย
– ผู้ไร้ความสามารถ
– ผู้เสมือนไร้ความสามารถ
เอกสารตามคำสั่งศาล หรือคำสั่งอนุญาตผู้ดูแลหรือผู้อนุบาล
– ผู้พิการบัตรผู้พิการ หรือเอกสารที่หน่วยงานราชการออกให้ หรือเอกสารที่รับรองโดยทางการ

หมายเหตุ

    • กรณีมีความจำเป็นบางกรณีที่เจ้าของบัญชีไม่สามารถขอยกเว้นได้ด้วยตนเอง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ธนาคารอาจพิจารณาขอเอกสารเพิ่มเติม
    • กรณีที่อยู่ต่างประเทศกำหนดให้มีหนังสือมอบอำนาจเพื่อมาดำเนินการแทน

7. แจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ

หากพบข้อมูลน่าสงสัย สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ

8. สรุป

       มาตรการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการเพิ่มความปลอดภัยของ Mobile Banking และป้องกันการใช้บัญชีม้าเพื่อก่ออาชญากรรม โดยกำหนดให้ผู้ใช้งานที่ข้อมูลไม่ตรงกันต้องอัปเดตภายใน 90 วัน เพื่อให้สามารถใช้บริการได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง