1. ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 สำหรับผู้สูงอายุ
เป็นโครงการที่รัฐบาลมุ่งหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของผู้สูงอายุ โดยการมอบเงินสนับสนุนจำนวน 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด
ผู้สูงอายุตามกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ เป็นกลุ่มที่ผ่านการคัดกรองแล้วว่ามีสถานภาพด้านรายได้และเงินฝากค่อนข้างจำกัด จึงถือเป็นผู้ที่ค่อนข้างมีความเปราะบางที่มีความโน้มเอียงหน่วยสุดท้ายในการบริโภค (Marginal Propensity to Consume: MPC) สูงกว่ากลุ่มประชากรที่มีรายได้สูง ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้จ่ายเงินหมดทั้งจำนวน ทั้งนี้ คาดว่า การดำเนินโครงการฯ จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.07 – 0.1 ต่อปี เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีโครงการฯ
2. คุณสมบัติและเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ
ผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุ 60 ปีขึ้นไป ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 (เกิดก่อนหรือในวันที่ 16 กันยายน 2507) และมีรายได้และเงินฝากไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด อ่านเพิ่มเติม
ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566 และไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 อ่านเพิ่มเติม
ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้
ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ
ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้
ให้รอการประกาศการลงทะเบียนระยะที่ 3 อีกครั้ง
ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการในรอบนี้ได้
รอประกาศจากกระทรวงการคลัง
นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาไว้เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 โดยมีนโยบายที่จะดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 3 สำหรับบุคคลทั่วไป โดยจะได้รับเงินผ่าน Digital Wallet ในปี 2568
ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญเชื่อมต่อระหว่างรัฐบาลกับประชาชนมากยิ่งขึ้น จึงขอให้รอติดตามข่าวสารเพื่อรับทราบความคืบหน้าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจากรัฐบาลต่อไป
3. การตรวจสอบสิทธิ์
สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 เป็นต้นไป
ตรวจสอบการผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน และตรวจสอบสถานะบัญชีกับธนาคาร หากดำเนินการแล้วให้รอรับเงินในรอบการ Retry ถัดไป
ไม่สามารถลงทะเบียนใหม่ได้ในรอบนี้ ควรรอประกาศจากกระทรวงการคลัง
- กรณียืนยันว่าที่ท่านลงทะเบียนผ่านแอป ฯ ทางรัฐ สำเร็จแล้วแน่นอน
– ให้ร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร ผ่าน ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล
– หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1111
- หากพบว่าผลการตรวจสอบไม่ตรงกับแอปฯ ทางรัฐ
– ให้ร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร ผ่าน ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล
– เจ้าหน้าที่จะนำข้อร้องเรียนที่โต้แย้งไปตรวจสอบให้ และหากพบว่าได้รับสิทธิจริงก็จะจ่ายเงินให้ต่อไป
– สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
4. การรับเงินและการใช้จ่าย
โอนเงิน 10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน
ครั้งแรก
- 27 มกราคม 2568 (ต้องผูกพร้อมเพย์ภายในวันที่ 22 มกราคม 2568)
จ่ายซ้ำ
- ครั้งที่ 1: 28 กุมภาพันธ์ 2568 (ต้องผูกพร้อมเพย์ภายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568)
- ครั้งที่ 2: 28 มีนาคม 2568 (ต้องผูกพร้อมเพย์ภายในวันที่ 25 มีนาคม 2568)
- ครั้งที่ 3: 28 เมษายน 2568 (ต้องผูกพร้อมเพย์ภายในวันที่ 23 เมษายน 2568)
ผู้ที่ไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนจะไม่ได้รับเงินจากโครงการนี้ จำเป็นต้องดำเนินการผูกบัญชีให้เรียบร้อยภายในกำหนดเวลาที่รัฐบาลแจ้ง
ต้องรีบเปิดบัญชีใหม่และผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนก่อนวันตัดรอบโอนเงินของแต่ละเดือน เพื่อให้สามารถรับเงินจากโครงการได้
ไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเงินช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
ไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนของผู้ได้รับสิทธิ์เท่านั้น
เงินที่ได้รับสามารถใช้จ่ายได้ทุกช่องทางตามปกติ ไม่มีข้อจำกัดในการใช้จ่าย ทั้งถอนเป็นเงินสด โอนเงิน หรือใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันทางการเงินต่างๆ
5. ปัญหาเกี่ยวกับบัญชีธนาคารและพร้อมเพย์
- เจ้าของบัญชีสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สาขาเจ้าของบัญชี หรือต่างสาขาได้ทุกสาขา และหมายเลข โทรศัพท์ของแต่ละธนาคาร
- กรณีสมัครบริการพร้อมเพย์จากหมายเลขโทรศัพท์ไว้ ไม่จำเป็นต้องยกเลิก สามารถสมัครบริการพร้อมเพย์จากบัตรประชาชนเพิ่มได้
- บัญชีเงินฝากสามารถสมัครบริการพร้อมเพย์ได้ 4 ID คือ 1 หมายเลข บัตรประชาชนและ 3 หมายเลขโทรศัพท์
- สามารถสมัครบริการพร้อมเพย์ได้แก่
(1) สาขาธนาคาร
(2) ตู้ ATM/ADM
(3) แอปพลิเคชันของ ธนาคาร และ
(4) ช่องทางอื่น ๆ ที่แต่ละธนาคารกำหนด
- สอบถามได้ที่สาขาธนาคารเจ้าของบัญชีที่สมัครพร้อมเพย์/ต่างสาขาได้ทุกสาขา และ Contact Center/Call Center ของแต่ละธนาคาร
- ติดต่อสาขาธนาคารที่เปิดบัญชีไว้ เพื่อเปิดบัญชีใหม่ และสมัครบริการพร้อมเพย์ใหม่
- สามารถใช้บริการของธนาคารตามช่องทาง เช่น
(1) สาขาธนาคารทุกสาขา
(2) ตู้ ATM/ADM
(3) Contact Center/Call Center
6. กรณีพิเศษเกี่ยวกับผู้สูงอายุและผู้พิการ
กรณีผู้สูงอายุเป็นผู้พิการและเป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องตั้งเรื่องต่อศาลขอให้มีการแต่งตั้งผู้อนุบาลก่อน จึงจะสามารถทำเรื่องเพื่อขอเปิดบัญชีได้
7. ต้องการร้องเรียนเกี่ยวกับผลการตรวจสอบสิทธิของตนในโครงการฯ
แนะนำให้ดำเนินการแจ้งเรื่องร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล หรือหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องตามแต่กรณี เพื่อให้มีข้อมูลที่ชัดเจน สำหรับใช้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิต่อไป
1. ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล
- กรอกแบบฟอร์มพร้อมแนบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
–https://www.1111.go.th/
–แอปพลิเคชั่น PSC 1111
- ติดต่อด้วยตนเอง พร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ ณ จุดบริการประชาชน 1111 (Counter Service) ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ชั้น 1 อาคารสำนักงาน ก.พ. (เดิม) ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กทม. 10300 (ตรงข้าม ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล) เปิดให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.30 -16.30 น.
- ส่งเอกสารผ่านไปรษณีย์ ทาง ตู้ ปณ.1111 ปณ.ทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต รหัสไปรษณีย์ 10302 (ไม่ต้องติดแสตมป์)
- กรอกแบบฟอร์มพร้อมแนบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
2. ศูนย์ดํารงธรรม กระทรวงมหาดไทย
- ติดต่อด้วยตนเอง พร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ ได้ที่
– ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด
- ติดต่อด้วยตนเอง พร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ ได้ที่
หมายเหตุ : ผู้ร้องจะต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนโครงการ ฯ ผ่านแอป ฯ ทางรัฐ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567) สำเร็จแล้วเท่านั้น